
4 พฤศจิกายน 2568 นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต.และนักวิชาการ โพสต์ถึงกรณีที่ นายไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร พรรคกล้าธรรม เปิดเผยถึงการนำเงินเดือนของผู้ช่วย สส.มาจ่ายค่าสมาชิกพรรคประชาชน ซึ่งเข้าข่ายผิดกฎหมาย และอาจนำไปสู่การยุบพรรคประชาชน โดยระบุว่า
เรื่องนัวเนียมากมายเกี่ยวกับเงินของพรรคการเมือง ข่าวซัดกันไปมา เรื่องเงินค่าสมัครสมาชิก เงินผู้ช่วย สส.บริจาคเข้าพรรค อะไรเป็นเรื่องที่ทำได้ ทำไม่ได้ ว่า เงินสมัครสมาชิกพรรค คนของพรรคออกให้แทนประชาชนไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นค่าสมาชิกรายปี ๆ ละ 20 บาท หรือตลอดชีพ เพราะถือเป็นการเสนอให้เงิน เพื่อจูงใจให้เป็นสมาชิกพรรค แม้ 20 บาทก็ผิด พ.ร.ป. ว่าด้วยพรรคการเมือง
1. เงินสมัครสมาชิกพรรค คนของพรรคออกให้แทนประชาชนได้หรือไม่
คำตอบ คือ ไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นค่าสมาชิกรายปี ๆ ละ 20 บาท หรือตลอดชีพ 200 บาท เพราะถือเป็นการเสนอให้เงิน เพื่อจูงใจให้เป็นสมาชิกพรรค แม้ 20 บาทก็ผิดพ.ร.ป.พรรคการเมือง
2. เงินเดือนผู้ช่วย สส. บริจาคให้พรรคหมด ทำได้หรือไม่
คำตอบ คือ ทำได้ แต่ต้องเป็นช่องทางที่เปิดเผย และแสดงในบัญชีการเงินของพรรคในรายการเงินบริจาค ที่รายงานต่อ กกต. ทุกเดือนด้วย หากบริจาคแต่ไม่ปรากฏในบัญชี ก็ถือว่า พรรคมีความผิด
3. ทั้งสองกรณีหากมีความผิดมีบทลงโทษอย่างไร
คำตอบ เป็นความผิดทางอาญา ที่ กกต. สามารถเอาผิดต่อผู้เกี่ยวข้องได้ แต่ไม่ถึงขนาดยุบพรรค ยกเว้นในกรณีการบริจาคมีการพิสูจน์ว่า เงินที่บริจาค เป็นเงินที่ได้มาโดยรู้หรือสมควรจะรู้ว่าได้มาโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
สรุป ตั้งพรรคน่ะง่าย แต่ต้องทำให้ถูกกฎหมายด้วย ไม่เช่นนั้นอาจมีปัญหา นี่เป็นกติกา ไม่ใช่นิติสงคราม
นอกจากนี้ นายสมชัย ยังโพสต์เพิ่มเติมว่า
ทำไมตั้งพรรคแล้วต้องหาสมาชิกพรรค
กม.พรรคการเมืองของไทย สร้างเงื่อนไขไว้มากมาย เช่น พรรคการเมืองต้องมีสมาชิกพรรคอย่างน้อย 5,000 คน ในปีแรก และเมื่อตั้งครบ 4 ปี ต้องมีสมาชิกไม่น้อยกว่า 10,000 คน และยังใช้จำนวนสมาชิก เป็นส่วนหนึ่งของการจัดสรรเงินอุดหนุนพรรค จากกองทุนพัฒนาพรรคการเมือง พรรคไหนสมาชิกมาก ก็มีโอกาสได้เงินอุดหนุนมากตาม
การสมัครสมาชิก นอกจากความวุ่นวายในการกรอกแบบฟอร์ม ส่งรูป สำเนาบัตรประชาชนแล้ว ยังมีค่าสมาชิกรายปี ซึ่งเดิมสูงถึง 200 บาท เดี๋ยวนี้ลดเหลือไม่น้อยกว่า 20 บาท หรือตลอดชีพ ซึ่งเดิม 2,000 บาท เดี๋ยวนี้ลดเหลือไม่น้อยกว่า 200 บาท แต่จะ 20 บาท หรือ 200 บาท ก็ล้วนแต่เป็นภาระ
คำถามของชาวบ้าน คือ ฉันเสียแล้วจะได้อะไร คำตอบคือได้สนับสนุนพรรค ได้ร่วมกิจกรรมของพรรค ซึ่งน้อยมาก หรือแทบจะไม่มี ดังนั้นการให้ชาวบ้านมาชำระเงิน จึงไม่ใช่เรื่องง่าย
พรรคการเมืองจำนวนมาก เมื่ออยากได้สมาชิก จึงใช้วิธีหรี่ตาข้างหนึ่ง ขอแค่สำเนาบัตร ที่เหลือจัดการให้ ออกค่าสมาชิกแทน ซึ่งผิด กม. พรรคการเมือง แต่อย่างน้อยเจ้าตัวก็ยังรับรู้ว่า สมัครเป็นสมาชิกแล้ว
ที่แย่กว่านั้น คือ เอาสำเนาบัตรจากไหนก็ไม่รู้ แล้วไปใส่ชื่อเป็นสมาชิกเลย โดยเจ้าตัวไม่รู้ และจะไม่รู้หากไม่ไปตรวจในระบบของ กกต. หรือ จนกว่าไปสมัครสมาชิกพรรคอื่น
หากมีการร้องไปยัง กกต. เป็นหน้าที่ของ กกต. ต้องตรวจสอบ หากมีแค่รายสองรายก็คงไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่หากเป็นร้อยเป็นพัน นายทะเบียนพรรคการเมืองที่มีปัญหาคงต้องรับผิดชอบ
1. หลังผู้ช่วย สส.ได้เงินเดือน ต้องโอนเงินเดือนเข้าบัญชีสาขาพรรคทั้งหมด
2. ตัวแทนสาขาพรรคโอนเงินให้ตัวแทนอำเภอ 2,000 บาท ใช้ในการขยายฐานเสียงพรรค
3. ตัวแทนอำเภอเกณฑ์คนมาสมัครสมาชิกพรรค โดยนำเงิน 2,000 บาท มาจ่ายค่าสมาชิกพรรคให้ชาวบ้าน
ทั้งหมดคือวงจรย่อยๆ ที่เกิดขึ้น ที่พรรคที่ถูกกล่าวหาทำอยู่
ปล. สาเหตุที่ต้องหาสมาชิกเข้าพรรคเพื่อจัดตั้งสาขาพรรค ต้องหาให้ได้ 100 คนขึ้นไปเลือกกรรมการ เลขา ในสาขานั้นๆ