
31 ตุลาคม 2568 ผศ.ดร.สุวิชา เป้าอารีย์ ผอ.นิด้าโพล กล่าวถึงแนวทางการฟื้นฟู-ยกเครื่องพรรคเพื่อไทย หลังมีหัวหน้าพรรคคนใหม่ คือ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ภายใต้โจทย์ “รักษาสถานะพรรคใหญ่เอาไว้ให้ได้”
1.เลือดต้องหยุดไหล
- รักษาบ้านใหญ่ บ้านกลาง หรือ สส.อิสระให้ได้ก่อน ด้วยวิธีการใดก็แล้วแต่ คือเลือดจะต้องไม่ไหลอีกแล้ว ส่วนลงสนามแล้วสอบผ่านหรือไม่ผ่านเป็นอีกเรื่อง ต้องไปวัดเอา
2.เมื่อเลือดไม่ไหลแล้ว ต้องทุบภูมิใจไทยลงมาให้ได้
- ถ้าเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภา ภูมิใจไทยยุบสภาหนีแน่
- ฉะนั้นเพื่อไทยต้องใช้วิธีการทุบนอกสภา โดยใช้เวลา พ.ย.2568 ตลอดทั้งเดือน
- ประเด็นที่จะทุบได้ คือกระแสชาตินิยมเริ่มตีกลับ เช่น พูดพลาดว่าไทยก็ล้ำแดนกัมพูชา และ สแกมเมอร์ โยงคนในรัฐบาล
3.ต้องโชว์ให้เห็นว่า นายจุลพันธ์ เป็นอิสระ ไม่โดนรีโมทคอนโทรล เรื่องนี้สำคัญมาก
- ภาพเลือกหัวหน้าพรรคออกมาไม่ค่อยดี เพราะแคนดิเดต 4 คน ทำไมเหลือ 1 คน ทำให้ไม่มีภาพการแข่งขัน
- แม้รูปแบบการเลือกเป็นแบบ “ชื่อเดียวจบ” ทำให้พรรคไม่แตก อาจจะดีในแง่หนึ่ง แต่อีกแง่มุมหนึ่ง คือทำให้คนสงสัยว่า มีคนกดปุ่มไว้แล้วหรือเปล่าว่าจะเอาใคร
- ฉะนั้น นายจุลพันธ์ ต้องแสดงให้เห็นว่าเป็นอิสระจากการควบคุมของตระกูลชินวัตร แม้คนชินวัตรจะเป็นแบ็คอัพให้กับพรรคอยู่ก็ตาม
ฟันธงยื่นซักฟอกเมื่อไร ภูมิใจไทยชิงยุบสภา!
อาจารย์สุวิชา กล่าวทิ้งท้ายว่า ภูมิใจไทยจะยุบสภาทันที หากมีแนวโน้มถูกยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยไม่สนใจเรื่อง MOA ผลักดันร่างรัฐธรรมนูญ เนื่องจากพรรคภูมิใจไทยเสี่ยงให้เปิดอภิปรายไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่าไว้ใจสีส้มได้ขนาดไหน ถ้าเสี่ยงก็อาจทำให้รัฐบาลล้ม และสูญเสียอำนาจการเป็น “รัฐบาลรักษาการ”
ปิดท้ายนิด้าโพล วันอาทิตย์นี้ จะทยอยเปิดคะแนนนิยมกระแสการเมืองภาคอีสาน รอติดตาม และจะทยอยเปิดรายภาครับเลือกตั้ง ทุกๆ สัปดาห์
“บิ๊กทิน” ฟันธงภูมิใจไทย บ๊ายบายก่อนครบ 4 เดือน!
ทั้งนี้ จากคำพยากรณ์อนาคตการเมืองของอาจารย์สุวิชา ในฐานะ ผอ.นิด้าโพล ที่ฟันธงว่า หากเพื่อไทยยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ จะเป็นแรงกดดันให้นายกฯอนุทิน หัวหน้ารัฐบาลภูมิใจไทย ชิงยุบสภาแน่ เพราะไม่มีทางยอมเสี่ยงให้รัฐบาลล้ม
เรื่องนี้สอดคล้องกับการวิเคราะห์ของ นายสุทิน คลังแสง สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ผ่านรายการ “เนชั่นวิเคราะห์ข่าว” เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา โดยนายสุทินมีชื่อเป็น 1 ในแคนดิเดตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แม้จะไม่ได้ลงแข่งกับคุณจุลพันธ์ก็ตาม
นายสุทิน ออกตัวว่า ขอพูดตรงๆ ไม่ได้ปรามาส ความเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย มีความเปราะบางอยู่แล้ว แต่สำหรับรัฐบาลชุดนี้ยิ่งเปราะบาง เพราะมือที่ยกมือให้เป็นรัฐบาล ไปอยู่อีกฟากหนึ่ง คือไปเป็นฝ่ายค้านด้วย ถือว่าเสี่ยงมาก ใครมาเป็นรัฐบาลในเงื่อนไขแบบนี้ก็ลำบาก
หนำซ้ำเมื่อมาเป็นแล้ว ก็เจอแรงกดดันเยอะ ช่วงฮันนีมูนสั้นมาก แถมเป็นประเด็นใหญ่ๆ ที่สังคมจับตาและกังวลมาก จึงเห็นว่าเป็นรัฐบาลที่รับแรงกดดันสูงมากกว่าทุกรัฐบาล และเผชิญกับปัญหาในสภาแน่นอน
เมื่อนายสุทิน เอ่ยว่า รัฐบาลภูมิใจไทยจะเจอปัญหาในสภาแน่นอน ทำให้ต้องตีความว่าจะมีการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจใช่หรือไม่
นายสุทิน ไม่ปฏิเสธเรื่องนี้ โดยอธิบายว่า ดูท่าทีของพรรคที่ยกมือให้ได้เป็นรัฐบาลขณะนี้ ไม่ลดราวาศอกเลย ฉะนั้นรัฐบาลไปหวังพึ่งมือของพรรคสีส้มไม่ได้แน่ อาการแบบนี้ น่าจะลำบาก เมื่อเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจปั๊บ รัฐบาลต้องประเมินว่ามือที่เคยยกให้ จะยกให้อยู่หรือเปล่า ท่าทีวันนี้ น่าจะวางใจไม่ได้ คาดหวังไม่ได้ จึงน่าจะตัดสินใจก่อนเวลาอันควร
“ผมไม่ได้ปรามาส รัฐบาลถ้าจะฝ่าวิกฤตนี้ไป ต้องสวมหัวใจดีหมี…ไม่ธรรมดา และเมื่อได้ฟังนายกฯอนุทินให้สัมภาษณ์ในช่วงหลังๆ ก็ไม่ได้ให้ความเชื่อมั่นว่าจะอยู่ครบ 4 เดือน”
นายสุทิน บอกด้วยว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญน่าจะไม่ประสบความสำเร็จ เพราะถ้านายกฯยุบสภาก่อน ก็ถือว่าจบ และแม้ไม่ยุบก่อน ก็ยังคาดหวังยาก สถานะของรัฐธรรมนูญก็ “ลูกผีลูกคน” อยู่แล้ว ส่วนตัวเชื่อว่าจะมีการยุบสภาก่อนสิ้นปี