
22 ตุลาคม 2568 ที่ศูนย์การประชุมนานาชาติเจนีวา หรือ CiCG ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ สส.รังสิมันต์ โรม จากพรรคประชาชน ในฐานะสมาชิกรัฐสภาไทย ขึ้นกล่าวถ้อยแถลงเปิดร่างข้อมติว่าด้วย “การดำเนินการของรัฐสภาเพื่อต่อต้านอาชญากรรมองค์กรข้ามชาติ, อาชญากรรมไซเบอร์ และภัยคุกคามแบบผสมผสานต่อประชาธิปไตย และความมั่นคงของมนุษย์” ต่อที่ประชุมใหญ่สมัชชาสหภาพรัฐสภา หรือ IPU สมัยที่ 151 หลังจากร่างข้อมตินี้ที่เสนอโดยประเทศไทยกับชาติพันธมิตร ชนะโหวตด้วยเสียงท่วมท้น ได้รับการบรรจุเป็น "ระเบียบวาระเร่งด่วน" หรือ Emergency item ของ IPU หนนี้
ถือเป็นผลงานครั้งประวัติศาสตร์ของผู้แทนรัฐสภาไทย ในฐานะ "ทีมไทยแลนด์" ซึ่งมี "ประธานวันนอร์" วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นหัวหน้าคณะ พร้อมด้วย สส. สว. และเจ้าหน้าที่จากรัฐสภา ที่สามารถผลักดันร่างข้อมติของไทยให้ได้รับการบรรจุเป็น Emergency item ของ IPU ได้สำเร็จ ทำให้การจัดการกับปัญหาสแกมเมอร์ และอาชญากรรมไซเบอร์ข้ามพรมแดน ซึ่งกำลังหนักหน่วงในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงประเทศไทย เป็นวาระที่ทั่วโลกต้องให้ความสนใจและจับมือกันแก้ไขปัญหา
สส.โรม อภิปรายกลางที่ประชุมใหญ่ IPU เป็นภาษาอังกฤษ ด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น จริงจัง โดยย้ำหลักการความสำคัญของการจัดการปัญหาสแกมเมอร์ และอาชญากรรมองค์กรข้ามชาติ โดยระบุตอนหนึ่งว่า อาชญากรรมเหล่านี้กลายเป็น "อาชญากรรมไฮบริด" และไม่ใช่เรื่องไกลตัวคนทุกคนอีกต่อไป
ผลของมันนอกจากจะทำให้ผู้คนต้องสูญเสียทรัพย์สิน บางคนสูญเสียอิสรภาพ ถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนรูปแบบต่างๆ จนกลายเป็นปัญหามนุษยธรรมแล้ว ยังเป็นอันตรายต่อประชาธิปไตยด้วย
การประกอบอาชญากรรมเหล่านี้ กลายเป็นเศรษฐศาสตร์ยอดนิยม สร้างรายได้มหาศาลให้กับองค์กรอาชญากรรม กระทบต่อจีดีพีของประเทศ ความร้ายแรงของปัญหาจึงไม่ใช่แค่ในระดับภูมิภาคแต่เป็นระดับโลก
สส.โรม ได้ตอกย้ำความสำคัญของบทบาทรัฐสภา โดยบอกว่า “พวกเราเป็นผู้พิทักษ์สถาบันประชาธิปไตย ผู้ปกป้องสิทธิมนุษยชน และเป็นสะพานเชื่อมระหว่างกฎหมายกับความยุติธรรม”
"เพื่อนร่วมงานของพวกเรา (หมายถึงชาติพันธมิตรที่ร่วมสนับสนุนร่างข้อมตินี้) ก็ได้ยอมรับถึงความเร่งด่วนของวิกฤตแบบผสมผสาน รวมถึงการก่ออาชญากรรมที่ใช้เทคโนโลยีไซเบอร์ ขบวนการนี้ยังเกี่ยวข้องกับแก๊งค้ายาข้ามชาติ และการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ ซึ่งทั้งหมดนี้ร่วมกันบ่อนทำลายความเชื่อมั่นของประชาชน และสั่นคลอนอธิปไตยของชาติ โดยเฉพาะเมื่ออาชญากรรมเหล่านี้ ถูกวางแผนหรือได้รับการสนับสนุนโดยรัฐ หรือผู้ที่ไม่ใช่รัฐ ทั้งๆ ที่ละเมิดต่อกฎหมายระหว่างประเทศทุกข้อ"
สส.โรม ย้ำทิ้งท้ายว่า จะทำหน้าที่ด้วยความเชื่อมั่น และพร้อมจะทำงานในทุกการประชุมของพวกเรา เพื่อให้แน่ใจว่าการมีส่วนร่วมได้เกิดขึ้นอย่างแท้จริง ทั้งหมดนี้ก็เพื่ออนาคต เพื่อความปลอดภัยของผู้คนและโลกของเรา
สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้ จะมีการตั้งกรรมาธิการ จำนวน 11 คน เป็นตัวแทนจากทุกกลุ่มภูมิภาคของ IPU ซึ่งมี 6 กลุ่ม แต่ละกลุ่มเสนอชื่อกรรมาธิการได้ไม่เกิน 2 ชื่อ (เสนอ 1 ชื่อก็ได้) โดยในส่วนของผู้แทนรัฐสภาไทย จะเสนอชื่อ สส.รังสิมันต์ เป็นหนึ่งในกรรมาธิการแน่นอน
เป็นที่น่าสังเกตว่า ผู้แทนรัฐสภากัมพูชาได้เสนอตัวเป็นกรรมาธิการ ปรับแก้ร่างข้อมติฉบับนี้ด้วย โดยเสนอตัวตั้งแต่ในการประชุมรอบประสานงานของกลุ่มอาเซียนบวก 3 โดยมีจีนให้การสนับสนุน และผู้แทนรัฐสภาจีนก็จะเสนอบุคคลเข้าร่วมเป็นกรรมาธิการด้วยเช่นกัน
บทบาทของกัมพูชาถือว่าน่าจับตา เพราะผู้แทนรัฐสภากัมพูชา ไม่ได้เข้าร่วมลงมติสนับสนุนร่างข้อมติฉบับนี้ และไม่ได้เข้าร่วมประชุมในช่วงลงมติเลยด้วยซ้ำ แต่กลับส่งตัวแทนเข้าเป็นกรรมาธิการ 11 คน การกระทำเช่นนี้ น่าจะสะท้อนให้เห็นถึงเจตนาเบื้องหลังของกัมพูชาว่า ทำไปเพื่ออะไรกันแน่?