“กัมพูชา” พลิกลิ้น ไม่ถกทวิภาคีไทยบนเวที IPU ไร้กำหนด-ไร้เหตุผล

21 ตุลาคม 2568 มีรายงานว่า ผู้แทนรัฐสภากัมพูชา แจ้ง “ทีมไทยแลนด์” ขอเลื่อนการพบปะพูดคุยแบบทวิภาคีออกไปอย่างไม่มีกำหนด ทั้งๆ ที่กัมพูชาเป็นฝ่ายเข้าพบเลขาธิการสหภาพรัฐสภาโลก หรือ IPU เอง กระทั่งเลขาธิการเสนอตัวเป็นคนกลางจัดวงประชุมให้ทั้งสองฝ่ายได้พบกัน

ก่อนถึงนัดหมายไม่ถึง 1 ชั่วโมง ผู้แทนรัฐสภากัมพูชาแจ้งมายังผู้แทนรัฐสภาไทยว่า ขอเลื่อนนัดการพบปะหารือแบบทวิภาคีออกไปอย่างไม่มีกำหนด โดยไม่แจ้งเหตุผลใดๆ

การนัดหมายกำหนดเวลาไว้ที่ 14.30 น.ตามเวลาท้องถิ่นที่กรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ระหว่างที่มีการประชุมสมัชชาสหภาพรัฐสภา หรือ IPU ครั้งที่ 151 ระหว่างวันที่ 19-23 ตุลาคม ที่ศูนย์การประชุมนานาชาติเจนีวา หรือ CiCG

ทั้งไทยและกัมพูชาส่งคณะผู้แทนจากรัฐสภาเข้าร่วมประชุม IPU ครั้งนี้ โดยฝ่ายไทยมี นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะประธานรัฐสภา เป็นหัวหน้าคณะ ส่วนฝ่ายกัมพูชามี นาย อุช โบฤทธิ์ รองประธานวุฒิสภา ซึ่งถือว่าเป็นเบอร์ 2 รองจาก สมเด็จ ฮุน เซน เป็นหัวหน้าคณะ 

ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม ซึ่งเป็นวันประชุม IPU วันแรก และยังไม่ถึงกำหนดการของเวทีใหญ่ ปรากฏว่าฝ่ายกัมพูชาได้ขอเข้าพบ นายมาร์ติน จุนกอง เลขาธิการ IPU เพื่อแจ้งความกังวลเกี่ยวกับการรายงานข่าวการประชุม IPU ของสื่อมวลชนไทย โดยอ้างว่าสื่อไทยรายงานข่าวในแง่ลบต่อฝ่ายกัมพูชา ทำให้บรรยากาศของความร่วมมือไม่ดีเท่าที่ควร

หลังจากเลขาธิการ IPU ทราบเรื่อง จึงเสนอตัวเป็น ”คนกลาง“ นัดผู้แทนรัฐสภาไทย จับเข่าคุยกับผู้แทนรัฐสภากัมพูชา โดย นายมาร์ติน ได้แจ้งเรื่องนี้กับประธานวันนอร์ ในช่วงที่ประธานรัฐสภาไทยขอเข้าเยี่ยมคารวะในโอกาสเข้าร่วมประชุม IPU เมื่อวันที่ 20 ตุลาคมที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ประธานวันนอร์ ตอบรับคำเชิญของเลขาธิการ IPU เพื่อสร้างบรรยากาศของความร่วมมือและสันติภาพ แต่ก็มีเงื่อนไขว่า การพูดคุยจะต้องอยู่ในกรอบของฝ่ายนิติบัญญัติ คือ รัฐสภาเท่านั้น ไม่ก้าวล่วงงานของฝ่ายบริหาร หรือรัฐบาล

การพบปะกันมีแนวโน้มราบรื่น เพราะฝ่ายกัมพูชาแจ้งเงื่อนไขของตัวเองว่า การพูดคุยแบบทวิภาคี จะไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปรายงานข่าวหรือสังเกตการณ์ โดยจะอนุญาตให้เฉพาะการถ่ายภาพร่วมกันในช่วงก่อนเริ่มการประชุมเท่านั้น 

ทว่าเมื่อใกล้จะถึงกำหนดนัดหมาย ฝ่ายกัมพูชากลับแจ้งเลื่อนเสียเฉยๆ โดยไม่ได้อธิบายเหตุผลหรือความจำเป็นแต่อย่างใด

เป็นที่น่าสังเกตว่า ฝ่ายกัมพูชาเป็นต้นคิดให้มีการพบปะกันแบบทวิภาคี โดยแจ้งความกังวลผ่านเลขาธิการ IPU แต่แล้วก็มาเป็นฝ่ายแจ้งเลื่อนนัดอย่างไม่มีกำหนดเสียเอง

อีกหนึ่งประเด็นที่เป็นข้อสังเกตก็คือ ในขณะที่ฝ่ายกัมพูชาอ้างว่าสื่อมวลชนไทยเสนอข่าวให้ร้ายฝ่ายตน ทั้งๆ ที่สื่อไทยรายงานข่าวตามข้อเท็จจริงทุกประการ กลับปรากฏว่า สื่อกัมพูชาเป็นฝ่ายรายงานข่าวที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงนัก อย่างเช่น ในการประชุม IPU วันแรก เวทีแรก คือ อาเซียนบวก 3 ปรากฏว่า ผู้แทนรัฐสภากัมพูชาที่เข้าร่วมประชุม มาขอจับมือกับคณะผู้แทนรัฐสภาไทย แต่ข่าวที่กัมพูชากลับถูกนำเสนอในทำนองว่า ฝ่ายไทยไปขอจับมือเพื่อขอเป็นมิตรกับทางกัมพูชา เป็นต้น