
13 ตุลาคม 2568 ที่ จ.กาญจนบุรี นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย อดีต สส.กาญจนบุรี พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงความมั่นใจในการเลือกตั้งซ่อมเขต 4 ว่า ความมั่นใจทั้งหมดไม่มีเปลี่ยน เพราะหลังจากต้นเกษียณราชการ ตั้งแต่ปี 2565 ก็ลงพื้นที่เข้าหาประชาชนอย่างต่อเนื่อง จนได้เป็น สส. และในช่วงที่เป็นผู้แทนก็ไม่ได้ไปไหน ยังพบปะประชาชนทุกวัน ยกเว้นมีงานที่สภาหรือลงพื้นที่ต่างจังหวัด ที่ผ่านมาตนลงพื้นที่ไปดูความเดือดร้อนของเกษตรกรใน 3-4 อำเภอ และยังเป็นตัวกลางประสานงานกับส่วนราชการ รวมถึงยังนำปัญหาของชาวบ้าน ไปพูดในที่ประชุมสภาในทุกสัปดาห์ เพื่อให้ปัญหาได้รับการแก้ไข โดยในช่วงระยะ 2 ปีที่ผ่านมา ที่เป็น สส.มีส่วนราชการเข้ามาแก้ปัญหาให้กับประชาชน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องน้ำ เรื่องถนน ไฟส่องสว่าง และปัญหาพืชผลทางการเกษตร ที่เป็นปัญหาหลักของชาวอำเภอห้วยกระเจา เลาขวัญ และบ่อพลอย
“ชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่จะไม่เลือกคนแปลกหน้าที่มาจากไหนไม่รู้ ซึ่งอาจจะมีการพูดจาข่มขู่หรือพูดจาขอคะแนน แต่ผมมั่นใจว่า ชาวบ้านจะเลือกคนที่อยู่และดูแลเขามาตลอด”
ส่วนการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้มั่นใจหรือไม่ว่า จะสามารถกวาดคะแนนในพื้นที่มาได้ นายศักดิ์ดา บอกว่า มั่นใจว่าลูกสาวเป็นคลื่นลูกใหม่ ที่จะสามารถกวาดคะแนนได้มากกว่า “คลื่นลูกหลังต้องแรงกว่าคลื่นลูกเก่า” และมั่นใจว่าคะแนนของลูกสาวจะมากกว่าตน
นายศักดิ์ดา ยังชี้แจงกรณีที่ถูกโจมตีว่า ลาออกมารับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ทำให้เสียงบประมาณในการจัดเลือกตั้งซ่อมว่า หากยุบสภาจะเสียงบประมาณมากกว่านี้ คือการเลือกตั้งถึง 400 เขต แต่นี่เลือกตั้งเพียงเขตเดียว ซึ่งคนที่มาโจมตีคิดว่า คงไม่มีอะไรจะพูด มองว่าเป็นเรื่องทางการเมือง ตนไม่ได้โกรธใครอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า การเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ จะส่งผลถึงการเลือกตั้งใหญ่ในปี 2569 ด้วยหรือไม่ นายศักดิ์ดา ยอมรับว่า อาจจะมีบ้าง แต่มั่นใจว่าวันนี้ประชาชนส่วนใหญ่ 70 - 80% เป็นภาคการเกษตร ซึ่งพรรคภูมิใจไทยดูแลประชาชน ดูแลเกษตรกร เชื่อว่าไม่มีเรื่องกลุ่มทุน แต่รัฐบาลที่ผ่านมาที่ตนอยู่มาประมาณ 2 ปีครึ่ง ไม่เคยเอาปัญหาภาคเกษตรไปคุยในพรรคเพื่อไทย และมั่นใจว่าผู้แทนที่มาจากชนบทหลายคนอย่างตนไม่สบายใจ
“เห็นหรือไม่ว่า คนเริ่มทยอยออกกันแล้ว และคิดว่าไม่จบแค่นี้ เพราะตนรู้จักผู้แทนทุกคนในพรรคเพื่อไทย”
เมื่อถามย้ำว่า ปรากฏการณ์นี้จะทำให้ออกจากพรรคเพื่อไทยมากกว่านี้อีกหรือไม่ นายศักดิ์ดา บอกว่า ตนคิดว่าน่าจะมากกว่าที่ออกตอนนี้ ตอนนี้ยังไม่ถึง 50% โดยปัญหาหลักๆ ที่คนออกกันคือเรื่องของพืชผลทางการเกษตร ที่พรรคเพื่อไทยไท่สามารถทำได้ และต้องอย่าลืมว่าคนของพรรคเพื่อไทยคุยกันเองหมด และคนที่เลือกเรา คือ ”เจ้านายเรา“ หากเป็นข้าราชการ คนที่แต่งตั้งเราคืออธิบดี หรือปลัดกระทรวง แต่คนที่แต่งตั้งผู้แทน หรือ สส. คือ ประชาชน หากประชาชนไม่ชอบ หรือไม่เอา เขาคงไม่เลือกเราเข้ามาอีกรอบ
“ทุกคนที่เป็นผู้แทนเขต กลัวสอบตก ที่ผ่านมาเคยหาเสียงว่าสินค้าทางการเกษตรจะเพิ่มขึ้น แต่ราคามันตกต่ำ ก็ไม่มีใครอยู่ได้ และมั่นใจว่าผู้แทนของพรรคเพื่อไทยที่อยู่ในพื้นที่ชนบท ค่อนข้างอึดอัดใจ แต่จะกล้าพูดความจริงหรือไม่เท่านั้นเอง”
เมื่อถามว่า ล่าสุดพรรคเพื่อไทยเพิ่งประกาศยกเครื่องใหม่ นายศักดิ์ดา ตอบกลับทันทีว่า ก็เครื่องมันพัง จะทำยังไง
เมื่อถามว่า แสดงว่าผู้นำทางจิตวิญญาณไม่สามารถที่เรียกศรัทธาของ สส. และสมาชิกพรรค กลับมาได้แล้วใช่หรือไม่ นายศักดิ์ดา บอกว่า ผู้แทนที่มาจากเขตต้องเป็นตัวแทนอยู่เคียงข้างกับเกษตรกร หากพรรคภูมิใจไทยสามารถทำให้ราคาพืชผลทางการเกษตรมีราคาสูงขึ้น ทั้งข้าว มันสำปะหลัง และอ้อย คนเลือกพรรคภูมิใจ 99% แน่นอน
เมื่อถามว่า ส่วนใหญ่ที่ลงพื้นที่มา ประชาชนเลือกคนหรือเลือกจากพรรค นายศักดิ์ดา บอกว่า จากพรรคมีเพียง 5% แต่หากนโยบายพรรคกับการกระทำแตกต่างกันก็ 0% ประชาชนเขาดูคนด้วย ลองไปถามชาวบ้านได้ ตนเป็นผู้แทนคนเดียวที่ลงพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรีมากที่สุด ไม่มีใครลงพื้นที่มากเท่าตน
เมื่อถามว่า ศึกเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้เป็นศึกแห่งศักดิ์ศรีหรือไม่ นายศักดิ์ดา บอกว่า ตนไม่ได้มองว่าอะไรเป็นศักดิ์ศรี แต่มองว่าชาวบ้านยังอยู่ข้างตน