“วราวุธ” ปฏิเสธคุยแกนนำเพื่อไทย นั่งเป็น 1ใน 3 แคนดิเดตนายกฯ

9 ตุลาคม 2568 ท็อป วราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา อดีต รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และอดีต รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ปฏิเสธอย่างหนักแน่นกับ "เนชั่นออนไลน์" เกี่ยวกับข่าวที่ว่า ตัวเขาไปหารือกับแกนนำพรรคเพื่อไทย และเตรียมรับตำแหน่ง “แคนดิเดตนายกฯ ของเพื่อไทย” โดยเป็น 1 ใน 3 แคนดิเดตที่เพื่อไทยยังอุบไว้ เพื่อสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้า ตามแคมเปญ “ยกเครื่องเพื่อไทย ยกเครื่องประเทศไทย” นั้น “ไม่เป็นความจริง” 
 

“ลือกันเก่งจัง ผมยังไม่ได้คุยอะไรกับใครเลยครับ” พร้อมทั้งย้อนถามกลับมาว่า “สื่อมีความเห็นอย่างไรบ้างกับข่าวนี้ 
 

โดยผู้สื่อข่าวได้บอกเล่าถึงที่มาของข่าว จากการสัมภาษณ์ของนักวิเคราะห์การเมืองชื่อดังรายหนึ่ง ทำนองว่ามีการพูดคุยทาบทาม และขอให้จับตาความเคลื่อนไหวนี้ให้ดีๆ แต่เมื่อข่าวเผยแพร่ออกไป มีกระแสเสียดายพรรคชาติไทยพัฒนา ซึ่งเป็นพรรคเก่าแก่ สืบทอดมาจาก “พรรคเพื่อไทย” และเป็นมรดกทางการเมืองของ อดีตนายกฯบรรหาร ศิลปอาชา ซึ่งเป็นบิดาของวราวุธ 

สุดท้ายอดีตรัฐมนตรีท็อป ตอบแบบไม่ฟันธง แต่ให้ตีความกันเองเองว่า
 

“สถานการณ์การเมืองปัจจุบัน พรรคชาติไทยฯมี 10 เสียง เป็นที่หอมหวานของทุกพรรค ที่อยากเข้ามาจีบ” 
 

สำหรับ “ท็อป วราวุธ” มีบทบาทโดดเด่นอย่างมาก ช่วงดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยเฉพาะการไปร่วมประชุม และแสดงวิสัยทัศน์อย่างโดดเด่นของประเทศไทยในการแก้ไขปัญหาโลกร้อน และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ในการประชุม COP 26 และ 27 ซึ่งหมายถึงการประชุมสมัชชาประเทศภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติ ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยเฉพาะการใช้ภาษาอังกฤษที่ยอดเยี่ยมไม่ต่างอะไรกับเจ้าของภาษา 

อย่างไรก็ดี รัฐมนตรีท็อป มีบทบาทลดน้อยลงไป หลังรับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในรัฐบาลพรรคเพื่อไทยทั้ง 2 รัฐบาล คือ รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน และรัฐบาล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร แม้จะมีข่าวการปรับตำแหน่งให้เขาไปนั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และได้รับเสียงสนับสนุนอย่างกว้างขวาง และสุดท้ายก็ไม่เกิดขึ้นจริง 

รัฐมนตรีท็อป ได้รับเสียงแซ่ซ้องจากผู้คนในสังคมอย่างมาก เมื่อแถลงการณ์ในนามกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ประณามการโจมตีของกัมพูชาต่อพลเรือนไทยและเป้าหมายอ่อนแอ โดยเฉพาะโรงพยาบาล ร้านค้า และบ้านเรือน โดยแถลงเป็นภาษาอังกฤษ เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2568 ย้ำว่า การกระทำของกัมพูชา คือการละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง 

บทบาทของเขาในครั้งนั้นได้รับการกล่าวขวัญถึงอย่างมาก และมีเสียงเรียกร้องให้เขาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ