svasdssvasds
เนชั่นทีวี

คอลัมนิสต์

อดีตสามมิตร “สุริยะ” จับคู่กู้วิกฤต “สมศักดิ์” โจทย์หินหยุดเนวิน-ธรรมนัส

โจทย์หิน “สุริยะ-สมศักดิ์” หยุดน้ำเงิน-กล้าธรรม รักษาฐานอีสาน 70-80 ที่นั่ง ทำไม่ได้ หลุดเป็นพรรคขนาดกลาง

11 ตุลาคม 2568 สามมิตรหลอน สุริยะ แม่ทัพชินวัตร สมศักดิ์ ขุนศึกคู่กาย เดิมพันสุดท้าย กู้วิกฤตเพื่อไทย ตั้งเป้าห้ามต่ำ 100

 

โจทย์ใหญ่ สุริยะ-สมศักดิ์ คือ สังเวียนอีสาน หยุดภูมิใจไทย-กล้าธรรม รักษาฐานเดิม 70-80 ที่นั่ง ทำไม่ได้ จะกลายเป็นพรรคขนาดกลาง

 

ในที่สุด บ้านจันทร์ส่องหล้า ก็ชิงเปิดตัว “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” เป็นผู้อำนวยการการเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย พร้อมประกาศว่าที่ผู้สมัคร สส.ทั่วประเทศ 185 เขต

 

การลั่นคำโตๆ ของสุริยะ ตั้งเป้าสมัยหน้า 200 บวก/ลบ 10 กลายเป็นเรื่องตลกในหมู่กูรูการเมือง แต่คู่หู สมศักดิ์ เทพสุทิน เก๋ากว่า วิเคราะห์ง่ายๆ อย่าปรามาสเพื่อไทยว่า ต่ำกว่า 100

 

แม้สื่อออนไลน์ในเครือข่ายบ้านใหญ่ศรีสำโรง จะอวยสุริยะว่าเป็น “เครื่องจักรสงคราม” ผ่านสมรภูมิการเมืองมาทุกรูปแบบ แต่ความล้มเหลวของ “กลุ่มสามมิตร” ในการเลือกตั้งปี 2562 น่าจะเป็นสิ่งเตือนใจ “2 ส.” คู่ซี้ที่ผูกขาติดกันมายาวนานกว่า 40 ปี

 

สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ และ สมศักดิ์ เทพสุทิน เพิ่งตัดสินใจหวนกลับพรรคเพื่อไทย เมื่อปลายเดือน มี.ค.2566

 

ช่วงการเลือกตั้ง สส.ปี 2566 ทักษิณ ชินวัตร ให้ความสำคัญกับสุริยะในฐานะผู้ดูแล “ทรัพยากร” เขาทำได้ดี ไม่ขาดตกบกพร่อง จึงถูกวางตัวเป็น “รัฐมนตรีคมนาคม” ตั้งแต่ไก่โห่


อดีตกลุ่มวังน้ำยม กลุ่มสามมิตร วันนี้ อนุชาแยกไป ภท.

จอมเก๋ามือจัดตั้งซุ้ม
 

หลังสิ้น มนตรี พงษ์พานิช อดีตหัวหน้าพรรคกิจสังคม สุริยะ-สมศักดิ์ ก็พาอดีต สส. 6-7 คนเข้ามาสังกัดพรรคไทยรักไทย



“สุริยะ” ยังแบกความเป็นตัวแทนกลุ่มทุน “จีงรุ่งเรืองกิจ” เข้ามาสวามิภักดิ์ทักษิณ จึงได้ตำแหน่ง รมว.อุตสาหกรรม ต่อมา สุริยะ-สมศักดิ์ ไปช่วย “เจ๊แดง” เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ จัดซุ้มวังบัวบาน

 

ปี 2545 สุริยะขยับเป็นเลขาธิการพรรค ทรท. พร้อมการปรับ ครม.ได้คั่วตำแหน่ง รมว.คมนาคม

 

ช่วงรัฐประหาร 2549 ทักษิณลี้ภัยในต่างแดน ไทยรักไทยถูกยุบพรรค สุริยะหายหน้าไปจากเมืองไทยนานเกือบ 10 ปี เพื่อรักษาอาการป่วยมะเร็ง

 

พลันที่นายใหญ่กลับเมืองไทย พร้อมการจัดตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว สุริยะ ได้นั่ง รมว.คมนาคม ตั้งแต่รัฐบาลเศรษฐา ยันรัฐบาลแพทองธาร

 

สุริยะยังจับคู่สมศักดิ์ รวบรวมไพร่พลเหมือนสมัยตั้งซุ้มวังน้ำยม พรรคไทยรักไทย โดยมีขุนพลหญิง มนพร เจริญพร สส.นครพนม เข้ามาช่วยดูแล สส.ในสังกัด

 

“นายใหญ่” อ่านคนเป็น จึงวางตัว “มนพร” ซึ่งเป็น สส.แค่ 3 พรรษา นั่ง รมช.คมนาคม โดยการสนับสนุนของสุริยะ

 

“สส.เดือน” มนพร เจริญศรี ได้ชื่อว่าเป็น “มือจัดการ” ที่ไว้ใจได้ จึงมี สส.อยู่ในซุ้ม “2 ส.” ไม่ต่ำกว่า 40 คน รวมทั้ง สส.เหนือ และอีสาน

 

ส่วนใหญ่เป็น สส.อีสาน เกรด A อย่าง จิรัชยา สัพโส สส.สกลนคร, พัฒนา สัพโส สส.สกลนคร, สกุณา สาระนันท์ สส.สกลนคร เกษม อุประ สส.สกลนคร ฯลฯ

 

หลังจากนี้ สส.บ้านใหญ่อีสานกลาง-อีสานเหนืออีก 4-5 ซุ้ม น่าจะไหลรวมมาอยู่ในการดูแลของ “2 ส.” ซึ่งจะเป็นกองกำลังหลักของเพื่อไทยสมัยหน้า 

มนพร แม่ทัพหญิงดาวรุ่ง จับคู่สมศักดิ์
 

บทเรียนสามมิตร
 

ถ้าจำกันได้ ก่อนการเลือกตั้ง 2548 พรรคไทยรักไทยมากมายไปด้วยก๊กก๊วน ไม่ต่ำกว่า 15 กลุ่ม โดยกลุ่มวังน้ำยม สมัยนั้นถือว่าใหญ่ที่สุด มี สส.อยู่ในซุ้มมากกว่า 80 คน

 

หลังรัฐประหาร 2549 สมศักดิ์ เทพสุทิน โดนแบน 5 ปี จึงเล่นการเมืองหลังม่าน ตั้งพรรคมัชฌิมาธิปไตย และหันไปก่อตั้งพรรคภูมิใจไทย ร่วมกับ เนวิน ชิดชอบ

 

กลางปี 2561 หลายคนประหลาดใจ เมื่อเห็น สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ยืนถ่ายภาพคู่กับ สมศักดิ์ เทพสุทิน ที่ข้างร้านกินเส้น ตรงข้ามสำนักงาน ป.ป.ช. ย่านสนามบินน้ำ

 

นั่นคือการประกาศคืนสังเวียนการเมืองของสุริยะ ในนาม “กลุ่มสามมิตร” ที่มี ภิรมย์ พลวิเศษ เป็นผู้ประสานงาน

 

“สุริยะ-สมศักดิ์” ไปกวาดต้อนอดีต สส.อีสาน เหนือและภาคกลาง มาเข้าสังกัดพรรคพลังประชารัฐ และลงสมัคร สส.ในนามกลุ่มสามมิตร ประมาณ 60 คน

 

ปรากฏว่า มี สส.สายสามมิตรเข้าสภาฯ มาได้แค่ 10 คน ทั้ง สุริยะ-สมศักดิ์ ไปดึง สส.จากซุ้มอื่นมาเพิ่มจนได้ยอด 30 คน “ลุงป้อม” จึงให้ 2 เก้าอี้คือ รมว.อุตสาหกรรม และ รมว.ยุติธรรม

 

“เครื่องจักรสงคราม” แบบสุริยะ อาจพบความผิดหวังเหมือนสมัย “สามมิตร” ก็เป็นได้ เนื่องจากคู่แข่งคือ เนวิน และผู้กองธรรมนัส