
10 ตุลาคม 2568 ที่พรรคประชาชน นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงและกิจการชายแดนฯแถลงโรดแมปการติดตามเปิดโปงกลุ่มทุนเทายึดประเทศ ว่า เรื่องสแกมเมอร์สถานการณ์วันนี้เราต้องยอมรับ ว่าเป็นประโยชน์ว่าเป็นปัญหาใหญ่ และมีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น ในอดีตไม่เคยเจอความซับซ้อนขนาดนี้ อย่างที่เมียวดีมีการตั้งสถานบันเทิงครบวงจรอย่างชัดเจน ซึ่งเบื้องหลังอาจมีกระบวนการไว้หลอกลวงคนจำนวนมาก
ที่ผ่านมาจะมีเครือข่ายบัญชีม้าที่มีเงินโอนต่อ ๆ กันไปปลายทางไปสู่คริปโตทำให้เจ้าหน้าที่รับติดตามลำบาก และแม้จะติดตามได้ ถ้าไม่สามารถตรวจสอบเส้นเงินได้ทั้งหมดก็ไม่สามารถเป็นไปได้เลย ที่จะระดมเงินคืนกลับมา แล้วกระจายต่อเหยื่อที่ถูกหลอก นี่คือความซับซ้อนแต่ความซับซ้อนในวันนี้มากกว่านั้น โดยมีกลุ่มเครือข่ายที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินอย่างเป็นระบบ ซึ่งยากมากที่กฎหมายหรือแนวปฏิบัติ จะสามารถทะลายเครือข่ายการฟอกเงินได้ถ้าเจ้าหน้าที่รัฐยังคงดำเนินการแบบนี้
นายรังสิมันต์ ยังยกตัวอย่างว่า เงินทั้งหมดที่ไหลไปสู่ประเทศเพื่อนบ้านต้องการที่จะฟอกให้ขาวสะอาดเพื่อนำกลับมาใช้ได้ ธุรกิจในประเทศนั้น ๆ อาจจะรองรับเงินสีเทาในการฟอกขาวในระดับหนึ่ง หลบเลี่ยงการติดตามจากหน่วยงานภาครัฐ แต่เมื่อทำไปเรื่อย ๆ ชื่อเสียงของประเทศนั้น ๆ ก็จะแย่ลง
แล้วทำให้ประเทศมหาอำนาจทางการเงินที่มีประสิทธิภาพติดตามการฟอกเงินก็จะยากขึ้น เช่น "บริษัทฮุยวัน" (Huione) ที่เชื่อมโยงกับตระกูลฮุน ที่หน่วยงานของสหรัฐฯติดตามเฝ้าระวังในเรื่องการฟอกเงิน
ซึ่งเงินไหลเวียนเพียงบริษัทเดียวมากกว่างานงบประมาณ ของเราทั้งปี นี่เป็นเพียงแค่ปฐมบทของอาณาจักรการฟอกเงิน เพราะความจริงพบว่าเครือข่ายสแกมเมอร์ เครือข่ายการฟอกเงินได้มีการขยายปีกและอาณาจักรไปที่อื่น ๆ อีก จึงอยากให้ประชาชนทุกคนตื่นตัวกับเรื่องนี
วันนี้พวกเขาพยายามที่จะเข้าสู่ประเทศไทยใช้เงินสีเทาสีดำทั้งหลายมายึดโครงสร้างสำคัญของประเทศเราบางบริษัทเกี่ยวข้องกับ กลต. บางบริษัทเกี่ยวข้องกับบริษัทพลังงาน
เวลาที่เขาเอาเงินเหล่านี้มาซื้อหุ้น จะมายึดบริษัทสำคัญ ๆ ไม่ได้ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมามีวิธีการซ่อนตัวตนของผู้ที่ได้รับผลประโยชน์อย่างแท้จริง ผ่านบริษัทหรือกองทุนที่อยู่ในประเทศอื่นเช่นสิงคโปร์ ใช้วิธีหลายรูปแบบจนสุดท้ายเจ้าหน้าที่รัฐไม่สามารถที่จะติดตามตัวตนที่แท้จริงของคนที่ได้รับผลประโยชน์เหล่านี้ได้
และใช้เงินจำนวนมากเทคโอเวอร์เพื่อทำให้บริษัทเหล่านั้นอยู่ภายใต้อาณัติ เครือข่ายอำนาจทุนสีเทา นายรังสิมันต์ กล่าว
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ที่ตนได้อภิปรายในสภาเป็นเพียงแค่ยอดภูเขาน้ำแข็ง ถ้าหากกระบวนการเหล่านี้ทำได้สำเร็จไม่ใช่แค่พวกเขาสามารถฟอกเงินได้หรือมีเครือข่ายที่ฟอกเงินได้เท่านั้น แต่ยังทำให้บริษัทเหล่านั้นกลายเป็นเครื่องจักรผลิตเงินให้กับแก๊งทุนสีเทามากยิ่งขึ้น และมีความเสี่ยงที่จะทำให้ประเทศไทยมีภาพลักษณ์เป็นฮับของทุนสีเทาดำ และมีความเสี่ยงที่จะทำให้ คนที่ทำมาหากินสุจริต หรือซื้อหุ้นในบริษัทเหล่านั้น ด้วยวิธีคิดที่สุจริต อาจได้รับผลกระทบจากมาตรการทางการเงิน และมาตรการใด ๆ ก็ตาม จากประเทศที่ให้ความสำคัญกับการป้องกันการฟอกเงิน
นายรังสิมันต์ ยังกล่าวว่า เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ เป็นเรื่องที่แสดงให้เห็นว่าทุนสีเทากำลังจะยึดประเทศไทยของเรา และทุนสีเทานี้เกี่ยวพันกับผู้มีอำนาจ กับนักการเมืองมีสายสัมพันธ์หลายอย่าง เราคงไม่สามารถเอาใบเสร็จเส้นทางการเงินมาได้ ไม่สามารถที่จะยืนยันว่ามีหลักฐานการพูดคุยหรือแบ่งผลประโยชน์กัน
แต่สิ่งที่พรรคประชาชนกำลังทำ คือต้องการที่จะเห็นรัฐบาลจัดการเรื่องนี้อย่างจริงจัง จากวันที่ 30 ก.ย. ที่มีการเปิดโปงเรื่องนี้ จนถึง 10 ต.ค. ผ่านไปมากกว่าหนึ่งสัปดาห์ยังเรายังไม่เห็นความคืบว่าน่าหรือความเคลื่อนไหวอย่างจริงจังในการจัดการ ต้องรอให้มีการร้องเรียนถึงจะขยับ ถ้าจะอยู่กันแบบนี้ประเทศของเราจะเป็นอย่างไร
นายรังสิมันต์ ยังนำเสนอแนวทางสิ่งที่พรรคประชาชนจะทำต่อเพื่อที่จะทำให้เกิดการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ แต่ลำพังพรรคประชาชนอย่างเดียว ไม่สามารถจัดการกับอภิมหาทุนสีเทาที่กำลังยึดประเทศของเราได้ จำเป็นจะต้องอาศัยทุกช่องทาง ทั้งความร่วมมือกับรัฐบาลความร่วมมือระหว่างประเทศในการที่จะนำไปสู่การแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างจริงจัง และย้ำว่าปัญหาสแกมเมอร์ที่จะนำเงินไปฟอกในประเทศอื่น รวมไปถึงซื้อโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ไม่ใช่สิ่งที่ประเทศไทยประเทศเดียวจะแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้ทั้งหมดต้องอาศัยพันธมิตร อีกหลายประเทศมาช่วยกัน โดยมี 3 แนวทาง คือ
1. จากข้อมูลที่มีอยู่ในมือจะดำเนินการเอาผิด เช่น บางบริษัทได้ใช้วิธีการเก็บข้อมูลด้วยการสแกนม่านตา โดยอ้างว่าเป็นการยืนยันตัวตนของบุคคลในอนาคตด้วยเทคโนโลยี ซึ่งข้อเท็จจริงจากหน่วยงานรัฐแห่งหนึ่งพบว่า มีการสแกนม่านตาประชาชนจำนวนมากวันนี้มีเกือบ 2 ล้านคนแล้ว คนที่มาสแกนม่านตาเหล่านี้ไม่รู้ว่าเงินหรือคริปโตที่ได้มา กับสิ่งที่เสียไปมันคืออะไร ซึ่งคือการเก็บข้อมูลเหล่านี้บางจุดไม่ได้มีการเปิดเผยข้อมูลอย่างชัดเจน
ทำให้เกิดความกังวลว่าการเก็บข้อมูลแบบนี้ แล้วจะส่งผลเสียกับประชาชนมากขนาดไหน ซึ่งอาจนำไปสู่การปลอมแปลงตัวบุคคลในโลกออนไลน์ด้วยเทคโนโลยี หากการปลอมแปลงทำได้สำเร็จ จะทำให้เกิดปัญหาอาชญากรรมอีกมาก การเก็บข้อมูลชีวมิติแบบนี้ยังผิดกฎหมายเบื้องต้นทางกรรมาธิการ ได้ให้ข้อแนะนำต่อ กลต. , สำนักงานคณะกรรมการ คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) , ตำรวจไซเบอร์ เพื่อทำงานร่วมกัน
ทั้งนี้จากข้อมูลที่ได้มาเรื่องเกี่ยวกับสแกนม่านตาและได้คริปโต เชื่อมโยงกับบางบริษัท ที่เกี่ยวกับกลุ่มทุนในกัมพูชา ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบ และแสวงหาผู้ที่ได้รับผลประโยชน์อย่างแท้จริงและคาดหวังว่าหน่วยงานจะทำงานเชิงรุก
2. การสอบสวนแก๊งสแกมเมอร์ที่เกี่ยวพันกับ นายยิมเลียก และนายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ หรือ นายเบน สมิธ ซึ่งมีสื่อต่างชาติออกมาเปิดเผยเรื่องนี้ ทำให้เป็นโอกาสดีที่ไทยกับ สหรัฐฯจะได้ร่วมมือกัน เพื่อแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างจริงจัง และควรมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลการฟองเงินของบริษัทฮุนวัน เพื่อปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์และสแกมเมอร์ต่อไป
"ข้อมูลต่างๆที่มีชัดเจนว่า เครือข่ายฟอกเงิน เครือข่ายสแกมเมอร์ใช้ประเทศไทยเป็นบ้านหลังที่ 2 ของพวกเขาถ้าเราได้รับข้อมูลที่เพียงพอ ได้รับการประสานงานร่วมมือที่เพียงพอ กับนานาชาติ เราเชื่อว่าจะใช้โอกาสนี้ ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แก๊งสแกมเมอร์ได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดมากกว่าที่เป็นอยู่แน่นอน" นายรังสิมันต์กล่าว
นายรังสิมันต์ ยังกล่าวว่า ความร่วมมือระหว่างประเทศ ที่ประเทศไทยสามารถดำเนินการได้ วันนี้มีบริษัทที่ช่วยปกปิดตัวตนคนที่ได้รับผลประโยชน์อย่างแท้จริง หรือกองทุนที่มาลงทุนในไทย มีความเชื่อมโยงกับกัมพูชาพบว่ามี 6-7 บริษัท หรือกองทุนที่ตั้งอยู่ในสิงคโปร์ ถ้าหากจะตรวจสอบเรื่องนี้อย่างจริงจัง กลต. ต้องทำงานร่วมกันกับหน่วยงานในประเทศสิงคโปร์ ซึ่ง กลต. รับปากยืนยันที่จะประสานงานให้
และ 3. ออกกฎหมายและเร่งรัดหน่วยงานให้ทำเรื่องนี้อย่างเป็นระบบอย่าง ป.ป.ง. ซึ่งขณะนี้ได้มี การขอแก้ไขกฎหมายอยู่คือ (Travel Rule) หากแก้ไขสำเร็จจะสามารถตรวจสอบคริปโตได้ทุกรูปแบบอย่างมีประสิทธิภาพ แม้กฎหมายฉบับนี้ จะยังไม่แล้วเสร็จ กลต. สามารถทำเรื่องนี้ได้ ด้วยการแก้กฎกระทรวงหรือออกระเบียบ ซึ่งหวังว่ากฎหมาย (Travel Rule) จะใช้ได้อย่างรวดเร็ว
นายรังสิมันต์ ยังเรียกร้องไปถึงธนาคารแห่งประเทศไทยตรวจสอบเส้นทางการเงินและ ทรัพย์สินที่อยู่ในไทย ของนายลี ยงพัด นักธุรกิจและนักการเมืองของกัมพูชา ว่ามีมากน้อยแค่ไหน
ดังนั้นนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยต้องให้ความสำคัญเรื่องนี้ แต่ตอนนี้ยังไม่เห็นรัฐบาล จำเป็นจะต้องทำให้คนที่แจ้งเบาะแส การติดตามตัวบุคคลมีความปลอดภัย วันนี้ ประเทศไทยควรให้สัตยาบันกับ UNCC 2024 รวมไปถึงอนุสัญญาบูดาเปสต์ที่ว่าด้วยอาชญากรรมไซเบอร์และการฟอกเงิน ซึ่งการใช้กฎหมายและความร่วมมือระหว่างประเทศเป็นเรื่องจำเป็นเพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหา อาชญากรรมทางไซเบอร์
อย่างไรก็ตามในวันที่ 30 ตุลาคมนี้กรรมาธิการจะเชิญนายวรภัค ธันยาวงษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อให้ข้อมูล เพราะนายวรภัทรเกี่ยวข้องกับธนาคาร BIC ของนายยิม เลียก การเข้าไปเกี่ยวข้องแบบนี้โดยที่ธนาคาร BIC ถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวพันเชื่อมโยงแก๊งสแกมเมอร์ ผมเชื่อว่านายวรภัคจะให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ กับการที่เราจะเข้าไปปราบปรามจัดการฟอกเงินอย่างเป็นระบบ นายรังสิมันต์ กล่าว
นายรังสิมันต์ ยังกล่าวว่า เรื่องนี้นายกรัฐมนตรีเงียบไปจริง ๆ ควรมีท่าทีออกมาได้แล้วว่ารองนายกฯที่ไปเกี่ยวข้องกับนายเบน สมิธ ที่ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ปกป้อง นายกรัฐมนตรีจะไม่ดำเนินการอะไรเลยใช่หรือไม่ จะปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นต่อไปใช่หรือไม่
อีกอย่างร้อยเอกธรรมนัสยังมีการฟ้องร้องดำเนินคดีกับสื่อมวลชนถึง 270 ราย ไม่ใช่สิ่งที่เราอยากเห็น ถ้ารัฐบาลนี้ต้องการทำตามที่แถลงนโยบายไว้ ว่าจะทำงานตามหลักนิติธรรม สิ่งที่ควรจะเป็นและสิ่งที่ควรจะได้รับการแก้ไขทันทีคือรองนายกรัฐมนตรีที่ใช้กฎหมายเพื่อปิดปากสื่อไม่ควรจะเกิดขึ้น
เพราะนี่คือสิ่งที่ละเมิดตอนหลักนิติธรรมที่เป็นแนวนโยบายของรัฐบาล แล้วหวังว่าจะได้รับการแก้ไขเรื่องนี้และอยากเห็นนายอนุทินออกมาพูดเรื่องนี้อย่างจริงจัง รวมถึงใช้โอกาสนี้ในการประกาศให้ประเทศไทยคนไทย รู้ว่าต้องการทำลายเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ แล้วจะไม่ปล่อยให้กลุ่มทุนสีเทาทั้งหลายมายึดประเทศไทย
รวมถึงนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และนายวรภัค ที่ถูกกล่าวหาว่าเชื่อมโยงกับทุนสีเทา วันนี้ 3 รัฐมนตรีในรัฐบาลนายอนุทินที่นายอนุทินยังคงเงียบ ตนจะไม่ปล่อยเรื่องนี้ให้จบลงด้วยความเงียบ
“โรม” ชี้ ถ้าผ่อนปรนมาตรการปราบ “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” จริงขัดคำแถลงนโยบาย ขู่ ถ้ามันจบง่ายๆ รมต.ต้องมาชี้แจง ไม่ต้องใช้เวทีซักฟอก ฝากบอก “อุ๊งอิ๊ง-ตระกูลชินวัตร“ แจงออกมาจากคุกได้ “ทักษิณ” รู้จัก “เบน สมิธ” ได้อย่างไร หลัง “ธรรมนัส” ปูดรู้จักตั้งแต่สมัยดูไบ แฉ มีหลายบริษัทพยายามคุมรัฐ ใช้ช่องจ้างดาราทำการแสดงใหญ่
นอกจากนี้ นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะ ประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงประเด็นการตรวจสอบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งจะอภิปรายไม่ไว้วางใจเมื่อไหร่ ว่า ตอนนี้เราใช้กลไกของกรรมาธิการฯ หลังจากนี้จะพิจารณาว่าจะมีการใช้กลไกอื่นหรือไม่ แต่ตนเน้นย้ำว่าตราบใดที่กลไกกรรมาธิการไม่ได้รับการตอบสนองที่ดี พรรคประชาชนมีความจำเป็นที่จะต้องยกระดับกลไกต่างๆ เพื่อนำไปสู่การตรวจสอบที่เข้มข้นมากขึ้น
“ถ้ามันจบง่ายๆ โดยที่รัฐมนตรีมาชี้แจงเอาข้อมูลพยานหลักฐานที่ท่านมีมาเสนอต่อกรรมาธิการ ช่วยกันปราบปราม เราไม่มีมีความจำเป็น แต่ ณ วันนี้ กลไกต่างๆมันไม่ฟังก์ชัน รัฐบาลเงียบ นายกเงียบ จนผมเริ่มแปลกใจว่าตกลงท่านมองเรื่องเหล่านี้อย่างไร ซึ่งถ้ามันเงียบต่อไปเรื่อยๆ เราก็มีความจำเป็นที่จะต้องใช้กลไกเครื่องของสภาที่มีอยู่ในการดำเนินการเรื่องนี้ ให้เข้มข้นมากขึ้น ท่านอย่าคิดว่าการเงียบของท่านจะทำให้เรื่องนี้จบ แต่การเงียบของท่านจะทำให้เรื่องนี้นำไปสู่การเทคแอ็คชั่นของพรรคประชาชนที่มากขึ้น” นายรังสิมันต์ กล่าว
ส่วนจะนำไปสู่การซักฟอกหรือไม่
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ณ วันนี้ยังไม่มีการพูดคุย ในเรื่องการเตรียมการซักฟอก ซึ่งถ้าจะจะต้องมีการซักฟอกเรื่องเหล่านี้ ตนคิดว่ามันต้องนำไปสู่การพูดคุยอยู่แล้วและคงไม่ใช่แค่พรรคประชาชนด้วย คงต้องพูดคุยกับพรรคฝ่ายค้านทั้งหมด แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น วันนี้เราอยากจะเห็นรัฐบาลนี้ร่วมมือ ทำงานกับคณะกรรมาธิการมั่นคงแห่งรัฐฯ
เมื่อถามว่าตัวละครที่เหลือ มีนักการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่
นายรังสิมันต์ ยืนยันว่า ตัวละครที่เชื่อมโยงมีมากกว่านั้น จำได้หรือไม่ว่าทีมงานของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรสหกรณ์ เขาพูดว่านายเบน สมิธ ที่ปรึกษาประธานวุฒิสภากัมพูชา ทำธุรกิจกับนักการเมืองไทยหลายคน แต่ไม่มีชื่อ ร.อ.ธรรมมนัส มันก็ทำให้เราอยากรู้ว่าหลายคนคือใคร ดังนั้น ก็คงจะต้องมีการตรวจสอบและแสวงหาข้อมูลเรื่องนี้มากยิ่งขึ้น
ขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กับนายเบน สมิธ น่าเสียดายที่นายทักษิณอาจจะไม่ได้ใช้โอกาสในการชี้แจง แต่ถ้ามีโอกาส หากคุณอุ๊งอิ๊ง (น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี) ฟังอยู่ หรือคนในครอบครัวชินวัตรฟังอยู่ ผมอยากให้คุณทักษิณได้มีโอกาสชี้แจง ฝากมาได้ ผมเชื่อว่าท่านก็ไปเยี่ยมอยู่บ่อยๆ
"ดังนั้น เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมอยากเห็นผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหลายออกมาพูด ฃความจริงให้สังคมได้รับรู้ และให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ถ้าให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ว่าใครเกี่ยวข้องกับใครบ้าง เหมือนอย่างที่คุณธรรมนัสพูด ต้องชมท่านอยู่อย่างหนึ่งนะครับ ถึงแม้จะไม่ค่อยให้ความร่วมมือ แต่ท่านบอกเองว่าท่านรู้จักกับเบน สมิธ เพราะคุณทักษิณเป็นคนแนะนำ ก็เป็นหนึ่งในข้อมูลที่เป็นประโยชน์ที่เราจะต้องมีการตรวจสอบเรื่องนี้ต่อไป ผมไม่ได้เป็นคนพูดเองว่าใครเป็นคนแนะนำ แต่เป็นคุณธรรมนัสเป็นคนพูดที่ยืนยันความสัมพันธ์ระหว่างคุณทักษิณ และเบน สมิธ รู้จักกันมานานตั้งแต่ที่ดูไบ" นายรังสิมันต์ กล่าว
เมื่อถามว่าหลักฐาน 48 หน้า และที่แถลงวันนี้ ยังไม่ได้ใหม่เลย
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนขอยกตัวอย่างประการที่ใหม่ เช่น ตอนนี้ตนได้พยานหลักฐานที่เป็นเอกสารที่เรียกว่าตราตั้งของฮุน เซนต่อนายเบน สมิธ เลยก็ได้ เอกสารที่มีบริษัทใดบ้างที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายพวกนี้ มีรายชื่อผู้ถือหุ้น มีชื่อบริษัทเป้าหมาย มีบุคคลที่เป็นเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง ถ้าติดตามไปเรื่อยๆ วันที่ 30 ต.ค. นี้ เราขยายไปที่นายวรภัค ธันยาวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
“เราจะขยายไปเรื่อยๆ หลักฐานนี้เราเห็นกำพืดของนายเบน สมิธ ความยาว 48 หน้า ผมเองยืนยันกับพี่น้องสื่อมวลชนว่าข้อมูลตรงนี้เป็นข้อมูลที่มันเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และถ้าติดตามในการโจมตีที่นำไปสู่คนที่อยู่เบื้องหลัง เรื่องนี้รู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคือเทียนเทียนเวนเจอร์ มีการจัดการแสดงวิธีการที่ทำให้เกิดความน่าเชื่อถือ ถึงขั้นมีการจ้างดาราเพื่อมาแสดงเรื่องนี้” นายรังสิมันต์ กล่าว
เมื่อถามว่าที่มาของเอกสารสามารถเชื่อถือได้หรือไม่
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนได้มีการตรวจสอบว่าพยานหลักฐานข้อมูลหลายหลายอย่างมีหลักฐานประกอบที่น่าเชื่อถือ ดังนั้น ถ้าต้องฟ้องตนในศาล ตนพร้อมที่จะเอาข้อมูลเหล่านี้ไปนำเสนอต่อศาล รวมไปถึงนำไปสู่การขยายผล เพื่อจะนำไปสู่การปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์ต่อไป ตอนนี้ข้อมูลไม่ได้แค่ 48 หน้า แต่ไหลมาเรื่อยๆ
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า บริษัทที่เกี่ยวข้อง ไม่ใช่บริษัทพลังงานเพียงอย่างเดียว มีความหลากหลาย บางบริษัทที่ไม่ได้ใหญ่ ก็มีลักษณะที่คล้ายกับการปกปิดซ่อนตัวเอง บางบริษัทเกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐาน บางบริษัทกลุ่มที่เชื่อมโยงกับเครือข่ายนี้ มักเป็นกลุ่มที่หน่วยงานของรัฐไปถือหุ้นอยู่ในบริษัทนั้น แสดงว่ามีความสามารถในการกำกับหรือชี้นำในสัดส่วนหุ้นที่เป็นของรัฐได้ เช่น อาจจะให้พยายามที่ทำให้ประกันสังคมขายหุ้นบางจากให้กับกลุ่มทุนนิรนามกลุ่มหนึ่ง เป็นต้น
เมื่อถามว่ามีข้อสังเกตว่ากลุ่มทุนนี้อาจจะนำมาสู่ทุนการเมืองที่นำไปใช้หาเสียงของบางพรรคการเมืองหรือไม่
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เกิดขึ้นแล้วในการเลือกตั้งหลายครั้งที่ผ่านมา เราต้องยอมรับว่าวันนี้เงินสีเทาเชื่อมกับเว็บพนัน แต่ ณ ตอนนี้อาจจะยังไม่ใช่แค่เว็บพนันแล้ว อาจจะเป็นเงินจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สแกมเมอร์ หรือบางรายที่เปิดกาสิโนอยู่ฝั่งกัมพูชา มันมีข้อเท็จจริงนี้แน่นอน ตนไม่สามารถหารูปถ่ายการขนเงินใส่รถและขนมาได้ แต่ข้อมูลโดยภาพรวมจากการทำงานมาเป็นเวลานานเกี่ยวกับเรื่องนี้ มันบ่งชี้ไปที่ข่าวนั้น
เมื่อถามว่าฝั่งกัมพูชา เชื่อมโยงกับฝั่งคอลเซ็นเตอร์ที่เมียวดี เมียนมา ที่กำลังกลับมาหรือไม่
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า บางส่วนเชื่อมกันอยู่แล้ว เมื่อคุณปิดที่เมียนมา ก็จะย้ายมาที่กัมพูชา เมื่อปิดที่กัมพูชาก็จะย้ายที่เมียนมา ความจริงเป็นแบบนี้ แม้ไม่ได้เป็นเจ้าของคนเดียวกันทั้งหมด แต่มีความสัมพันธ์ ในช่วงที่มีการทะลายที่เมียนมา สิ่งที่มันเกิดขึ้นคือฝั่งเมียนมา เขาไม่ได้หยุด เขาขยายต่อแต่จากเดิม จากที่ขยายประชิดชายแดนก็ขยายลึกเข้าไปในประเทศหรือลงใต้ที่พญาตองซู คนที่เราช่วยออกมาไม่ได้เยอะมาก เมื่อเทียบกับจำนวนคนที่เกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทั้งหมด
“ต้องไปตรวจสอบว่ามีการผ่อนปรนหรือไม่ ถ้ามีจริง ต้องดำเนินการกับนายอนุทิน ถ้าเป็นอย่างที่ตั้งคำถามนี้ก็จะขัดต่อคำแถลงนโยบายเอง อย่างไรคงต้องตรวจสอบ แต่ผมคิดว่าลำพังแค่เราตัดไฟ ตัดน้ำมัน และอินเตอร์เน็ต ผมพูดมาตั้งนานแล้วแต่ก่อนเปลี่ยนแปลงรัฐบาล ว่าไม่มีทางเพียงพอและสุดท้ายพวกนี้ก็จะปรับตัวได้” นายรังสิมันต์ กล่าว
เมื่อถามว่าคณะกรรธิการจะประสานกับทางกัมพูชาหรือไม่
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนคิดว่าเรื่องการประสานงานกับทางกัมพูชาคงไม่ใช่สิ่งที่เราสามารถทำได้โดยง่าย ตนคิดว่าจะเป็นไปได้ต้องใช้กลไกที่มีอยู่และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยกับกัมพูชาไม่ได้ปกติ ดังนั้น ตนจะใช้เวทีสภาและการประชุมสหภาพรัฐสภาโลก