
นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ชี้แจงนโยบายเศรษฐกิจต่อที่ประชุมรัฐสภา ในการแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภาว่า จะใช้หลักการ “กระตุ้นสั้น ได้ผลยาว กระจายตัว” พร้อมชี้แจงต่อนโยบายทางการค้าของสหรัฐฯ ที่ประเทศไทยพึ่งพาการส่งออก 60% ของ GDP และสหรัฐฯ มีสัดส่วนเพียง 10% ของ GDP จึงมีความสำคัญที่จะต้องเจรจาให้ประสบความสำคัญ พร้อมขอบคุณรัฐบาลชุดก่อน ที่ได้ตกลง Joint-Statement เรียบร้อยตั้งแต่ 31 กรกฎาคม และในระยะเวลา 4 เดือนจากนี้ รัฐบาลตั้งใจจะจัดการเจรจาทำการค้าต่างประเทศต่อ Agreement on Reciprocal Tariff Text หรือ เนื้อหาข้อตกลงอัตราภาษีต่างตอบแทน ART ให้เสร็จสิ้นภายในปีนี้
นางศุภจี ยังย้ำว่า รัฐบาลตั้งใจมีมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อย 6 ด้านทั้งการขยายตลาดใหม่ ที่เอเชียใต้ ตะวันออกกลาง แอฟริกา หรือลาตินอเมริกา, การพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ ในการทำคอนเทนท์ออนไลน์, การเพิ่มช่องทาง และโอกาสทางการค้า, การเพิ่มมูลค่าสินค้าและบริการ, การร่วมมือกับสถาบันการเงินเพื่อให้ SMEs เข้าถึงเงินทุน เป็นต้น
นางศุภจี ยืนยันว่า รัฐบาลจะยังมุ่งมั่นในการลดค่าครองชีพประชาชน และเพิ่มรายได้อย่างยั่งยืน รวมถึงจะยังคงดำเนินนโยบายต่าง ๆ ที่เคยดำเนินการมาแล้ว เพื่อลดค่าครองชีพประชาชนต่อ เช่น ธงฟ้า โดยจะขยายพื้นที่ให้มากขึ้นในจุดจำเป็น เช่น ขยายไปตามพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา และจะจัดมหกรรมลดสินค้าตลอดปี รวมถึงจะมีการลดค่าครองชีพด้านสุขภาพที่จำเป็น โดยจะทำข้อตกลงกับโรงพยาบาลเอกชนเพิ่มเติม เพื่อให้โอกาสประชาชนสามารถทราบราคายาก่อนชำระเงินได้ และมีทางเลือกไปซื้อยานอกโรงพยาบาลได้ รวมถึงการควบคุมราคาเวชภัณฑ์จำเป็น
นางศุภจี ยังเปิดเผยนโยบายการช่วยเหลือผู้ประกอบการ 7 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชาว่า จะมีทั้งนโยบายลดค่าครองชีพธงฟ้า การเพิ่มรายได้และช่องทางการตลาดให้แก่เกษตรกร และผู้ประกอบการ เช่น การนำเกษตรกรและผู้ประกอบการไปออกมหกรรมธงฟ้า และมหกรรมชายแดน รวมถึงการเพิ่มช่องทางส่งออก และผ่านแดน โดยที่กระทรวงมหาดไทย และฝ่ายความมั่นคง สามารถดูแลแนวชายแดนได้ โดยไม่ต้องเปิดตะเข็บชายแดน
นางศุภจี ยังยืนยันด้วยว่า รัฐบาลจะเร่งเจรจาบรรลุข้อตกลง FTA ไทย-ยุโรป และ ไทย-เกาหลี ให้แล้วเสร็จ ภายในรัฐบาลชุดนี้ และจะผลักดันให้เอกชนมาใช้สิทธิประโยชน์ใน FTA เหล่านี้ รวมถึงการหาตลาดเพิ่มเติม ทั้งตะวันออกกลาง ซาอุดิอาระเบีย UAE แอฟริกา เอเชียใต้ และอาเซียน รวมถึงการเชิญผู้นำเข้า และผู้ซื้อรายสำคัญเยือนประเทศไทย พร้อมย้ำว่า รัฐบาล และคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ตั้งใจแม้จะมีเวลา 4 เดือน แต่น่าจะมีผลสัมฤทธิ์ เป็น KPI ให้รัฐสภาได้ติดตามได้