
24 กันยายน 2568 ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ นักวิชาการอาวุโส มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ประธานสถาบันการสร้างชาติ (NBI) ประธานสถาบันอนาคตศึกษาเพื่อการพัฒนา(IFD) กล่าวกับเนชั่นทีวี ถึงการทำงานครม.อนุทิน ภายใต้กรอบเวลา 4 เดือนแล้วประกาศยุบสภา ว่า การบริหารงานภายใต้การนำของนายกฯอนุทิน คงอยู่ในสัญญาภายใน 4 เดือน เพื่อรักษาสัตย์ ไม่ให้ภาพเสียหาย และภาพที่อยากอยู่ 4 เดือนไม่ได้แปลว่า อยู่ 4 เดือน หมายความว่าถ้ามีเหตุการณ์พิเศษขึ้น ที่จำเป็นต้องเลื่อน ก็มีคำอธิบายเลื่อน แต่ถึงแม้ 4 เดือนพอดีเป๊ะ ก็ต้องมีเวลารักษาการ เตรียมการเลือกตั้ง ก็จะยาวกว่าสี่เดือนอยู่แล้ว 6-7 เดือนประมาณนี้ หรือหากมีเหตุเลื่อน อาจเลื่อนไปต่อเพราะมีเหตุพิเศษเกิดขึ้นในชาติก็ไม่แน่ อธิบายได้ ที่นำไปสู่ให้ต้องไปต่อ ก็เป็นไปได้ ออกได้หมด แต่โอกาสก็เป็นได้ประมาณนี้ 4 เดือน
ภท.มุ่งจัดทัพรัฐราชการ – กวักมือเรียกสส.ต่างค่าย
ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ บอกว่า ภายใต้กรอบเวลา 4 เดือน นายอนุทินทราบดีอยู่ว่า 4 เดือนทำอะไรได้ไม่มาก แต่การมาเป็นรัฐบาลครั้งนี้ มีความสำคัญต่อการเลือกตั้งอนาคตในการเป็นรัฐบาลหน้า เพราะจะทำให้ตนได้เปรียบ การเป็นรัฐบาล 4 เดือน บวกรักษาการ จะทำให้ตั้งองคาพยพ การจัดทัพข้าราชการ ที่ตนเห็นสมควร ช่วยได้เยอะ สรรพกำลังด้านอื่น นอกเหนือกำลังคนราชการ ในตำแหน่งก็มีผลมาก บารมี ได้มีโอกาสเป็นนายกฯ มีส่วนช่วยพรรค ให้สามารถเป่านกหวีดเรียกสส.ต่างค่าย ไหลเข้ามาท่วมพรรคให้มีปริมาณเป็นพรรคใหญ่ขึ้น เพราะสส.ที่ชนะแน่ๆจากบ้านใหญ่ก็จะไหลเข้ามา ปริมาณพรรคก็จะเปลี่ยนจากพรรคขนาดกลาง เป็นขนาดกลางใหญ่ หรือเกือบใหญ่ หรือ ใหญ่บางระดับ อยู่ที่วิธีการทำงาน
"ผมคิดว่า การเป็นรัฐบาลครั้งนี้ เพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง ไม่ได้คิดว่า สามารถจะเปลี่ยนแปลงอะไรในประเทศมากนักหรอก โดยเฉพาะเศรษฐกิจ 4 เดือนทำอะไรได้ไม่มาก ไม่ใช่ว่าเขาไม่ตั้งใจทำ แต่เป็นการทำอะไรให้บริหารความรู้สึกประชาชนให้รู้สึกเศรษฐกิจดีขึ้นบ้าง ก็ต้องเป็นนโยบายเร็วๆ จานด่วน เพื่อให้ได้ความรู้สึกประชาชนพื้นๆตามท้องถนน ให้รู้สึกว่าเศรษฐกิจดีขึ้นบ้าง เขาจึงต้องเร่งทำสิ่งนี้นิดๆหน่อย ๆ เพื่อหวังเท่านั้นเอง"
เผยแผนเดินสายพบผู้นำทุกองค์กร หวังผลนายกฯสมัยหน้า
ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ มองว่า สิ่งที่นายกฯอนุทินควรทำ เช่น การเดินสายสร้างกระแสพบคนนั้นคนนี้ พบสมาคมธนาคารไทย พบสภาอุตฯ สภาหอการค้าฯ ไปจังหวัดโน้นจังหวัดนี้ เพื่อช่วยให้สรรพกำลังจังหวัดต่างๆเสริมขึ้น แน่นขึ้น ฉะนั้นจะเดินสายอย่างขยันหมั่นเพียร ให้เกิดความรู้สึกสร้างกระแสได้ ทำเป็นกิจกรรม เป็นหน้าที่เพื่อสร้างภาพสร้างกระแส
อีกส่วนเขาคงพยายามเอาคนที่จะช่วยได้ในรัฐราชการ ให้ลงในจุดที่สำคัญที่เป็นที่หมายปอง เพื่อให้เป็นทิศทางเดียวกัน คิดว่าจะมีการวางกำลังข้าราชการให้สอดรับ ซึ่งเป็นธรรมดา พรรคใดมาก็ทำ เพื่อเตรียมการสู่การเลือกตั้ง และรวมกำลังพรรคร่วมไว้ เพื่อหวังว่าจะได้สรรพกำลัง ตั้งรัฐบาลรอบหน้าได้
ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ กล่าวว่า นโยบายรัฐบาลภายใต้กรอบเวลา 4 เดือน ที่ได้ผล ก็ต้องใช้วิธีง่ายสุด แทรกแซง ด้วยการใช้งบประมาณ เช่น นโยบายคนละครึ่ง คือทำให้งบประมาณที่มี อยู่จำนวนหนี่งที่ลงไปแจก สามารถแจกได้ครี่งเดียว อีกครึ่งหนึ่ง ประชาชนที่อยากได้ก็มาใส่ด้วยให้ไซด์ใหญ่ขึ้น เพื่อหวังเกิดการกระตุ้นความรู้สึกเศรษฐกิจรากหญ้าดีขึ้น แต่ตนก็ห่วง จะนำเงินจากไหน และจะได้เงินเยอะหรือไม่ ซึ่งอาจได้นิดเดียว แต่ไม่สำคัญว่าเงินเยอะพอไหม แต่สำคัญคือความรู้สึกสร้างกระแส ที่พยายามทำแน่
ส่วนนโยบายด้านอื่นๆ ก็คง พยายามทำอะไรที่ประกาศไปแล้ว ให้เกิดความฝัน ความหวัง ระยะยาวกับคนทุกกลุ่ม เช่นประกาศ โครงการแลนด์บริดจ์ แปลว่าคนที่หวังอยู่ ก็จะเริ่มเทคะแนนมาช่วย อันนี้ไม่ได้คิดจะทำจริงตอนนี้ แต่เป็นการประกาศความรู้สึกตอนนี้ อะไรที่จะทำลายคะแนนก็จะไม่ทำ เช่น ประกาศยังไม่ต้องการให้เปิดด่านชายแดน ไทยกัมพูชา จะเก็บไว้ก่อน อะไรทำให้เสียคะแนน ไม่ทำ อะไรที่ทำให้เกิดความหวาดเสียว เกรงว่าจะมีแรงต้านหรือ ซึ่งไม่เชื่อว่า จะทำนโยบายกัญชาทันที เพราะถูกต่างประเทศมองว่าเป็นนายกฯกัญชา เป็นความเสี่ยง จึงไม่ทำ
แนะปลุกนักท่องเที่ยว นำรายได้เข้าปท.
ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ ยังได้กล่าวว่า การเป็นนายกรัฐมนตรีของนายอนุทินรอบนี้ ไม่ใช่นายกฯบัญชาการเปลี่ยนแปลง แต่เป็นการเตรียมการไปสู่นายกฯรอบต่อไป ซึ่งมีโอกาส ถ้าสถานการณ์ประเทศเอื้ออำนวยให้นายอนุทิน ต้องคิดดีๆ ว่า จะทำระยะยาวอะไร ทำวันนี้ เพื่อไม่ให้ขัดกับระยะยาว ทำวันนี้ระดับจุลภาคเพื่ออธิบายว่าระยะยาวจะทำอะไร จะเป็นผลดีต่อนายอนุทินในเชิงการเมืองระยะยาว
"อีกส่วนหนึ่งทำระยะสั้นให้ได้ผลลัพธ์ ตามที่ผมเสนอและหวังดี วิธีง่ายสุดนำนักท่องเที่ยวเข้าไทย จะมีส่วนเห็นการเปลี่ยนแปลง รากเหง้าปัญหาคืออะไร คิดว่าแก้ได้ไม่ยากนัก คิดว่าคุณอนุทินควรใส่ใจเรื่องนี้ และกระทรวงท่องเที่ยวฯของคุณอนุทินยังไม่ถึงลงไปพิจารณารายละเอียดมากนัก นี่เป็นตัวอย่างรูปธรรม ส่วนโครงการคนละครึ่ง เป็นเรื่องที่ทำอยู่แล้ว แต่ไม่ได้มีผลเปลี่ยนแปลงมากนัก เพราะความรู้สึกจะได้เฉพาะคนที่ได้เงินและคนนำเงินไปซื้อของ ไซด์ไม่ใหญ่ ฉะนั้นไม่สำคัญที่ตัวเลขชั่วคราว อะไรที่บริหารความรู้สึกเห็นได้ด้วยตา คือการปลุกนักท่องเที่ยวไทยให้เต็มที่" ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ ให้คำแนะนำทิ้งท้าย