svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

ดร.ณัฏฐ์ ชี้ ครม.ชุดใหม่บางคนสุดยี้ แต่ฝ่ายค้านสอย อนุทิน ไม่ได้

"ดร.ณัฏฐ์" ชี้ ครม.ชุดใหม่บางคนสุดยี้ คดีติดตัวเพียบ แต่ฝ่ายค้านอย่าง พรรคประชาชน-เพื่อไทย สอย "อนุทิน" ลงจากเก้าอี้นายกฯ ไม่ได้ เพราะเหตุใด?

23 กันยายน 2568 สืบเนื่องจากเผยแพร่ประกาศแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ในรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล โดยประกาศราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2568 ปรากฏรายชื่อและโฉมหน้าคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ โดยทุกฝ่ายและประชาชน พุ่งเป้าไปที่กระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคม และกระทรวงยุติธรรม ในปมปัญหาที่ดินเขากระโดง และคดีทุจริต ฮั้ว สว.สีน้ำเงิน จะจบลงอย่างไร นั้น

กรณีดังกล่าว “ดร.ณัฏฐ์” หรือ ดร.ณัฐวุฒิ วงศ์เนียม นักกฎหมายมหาชน ได้ให้ความเห็นเพื่อประโยชน์สาธารณะและกล่าวว่า การแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรี เป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 158 วรรคหนึ่ง การบริหารการแผ่นดินเป็นไปตามหลักความรับผิดชอบร่วมกัน ดังจะเห็นในประกาศในราชกิจจานุเบกษา ระบุว่า
 

“..บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกสรรผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดิน..”
 

แปลความได้ว่า การคัดเลือกและตรวจสอบคุณสมบัติ เป็นความรับผิดชอบของนายอนุทิน ผู้เสนอรายชื่อรัฐมนตรีเพื่อทูลเกล้าฯ แต่งตั้ง หากคุณสมบัติต้องห้ามฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 นายอนุทินจะต้องรับผิดชอบด้วย ภาษาชาวบ้านในการแต่งตั้งรัฐมนตรี จะต้องตรวจสอบประวัติ ใครแต่งตั้ง คนนั้นต้องรับผิดชอบ 

ดร.ณัฏฐ์ ชี้ ครม.ชุดใหม่บางคนสุดยี้ แต่ฝ่ายค้านสอย อนุทิน ไม่ได้

ก่อนหน้านี้ ศาลรัฐธรรมนูญตามคำวินิจฉัยที่ 21/2567 คดี นายเศรษฐา ทวีสิน กรณีแต่งตั้ง นายพิชิต ชื่นบาน อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ศาลได้วินิจฉัยโดยใช้ “หลักวิญญุชนทั่วไป” ในลักษณะกว้าง ตีความคำว่า “พฤติกรรมฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง” ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 160(5) โดยผลคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญให้เป็นเด็ดขาด และผูกพันทุกองค์กร ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 211 วรรคสี่

โฉมหน้า ครม.บุคคลใด ขาดคุณสมบัติหรือไม่ “ตนไม่ชี้ช่อง” ต้องให้ พรรคประชาชน ฝ่ายค้าน ทำหน้าที่ตรวจสอบเอง ตามระบุในสัญญาทาส หรือ MOA ข้อ 5 ทำหน้าที่ฝ่ายค้านตรวจสอบอย่างเข้มแข้ง จะมีน้ำยาไปตรวจสอบรัฐบาลหรือไม่

แต่ตนฟันธงว่า สส.ปชน. “ไม่มีน้ำยาไปตรวจสอบ” เป็นไปตามสุภาษิตไทย “ปากว่าตาขยิบ” ดังจะเห็น จากที่ผ่านมา นายจุลพงศ์ อยู่เกษ สส.พรรคประชาชน ฝ่ายค้าน ทำท่าออกตัวแรง แถลงข่าวดูเหมือนจะลุยไฟตรวจสอบปมที่ดินเขากระโดง และออกตัวมาพูดล่าช้าภายหลังปมร้อนแรง ไม่สมทำหน้าที่ฝ่ายค้าน แต่ภายหลังเงียบเหมือนเป่าสาก เป็นแค่ “มวยล้มต้มคนดู” 

ดร.ณัฏฐ์ ชี้ ครม.ชุดใหม่บางคนสุดยี้ แต่ฝ่ายค้านสอย อนุทิน ไม่ได้

 

ทั้งฝ่ายกฎหมาย ปชน.ไม่เชี่ยวชาญกฎหมาย หากเอา นายจุลพงศ์ อยู่เกษ สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน โดยมีประสบการณ์แค่จัดทำเอกสารร่างสัญญาต่างๆ ในสำนักกฎหมายลอว์เฟริม และเคยทำงานธนาคารในมาเลเซีย ไม่มีพื้นฐานกฎหมายมหาชน เรียกว่า “มีประสบการณ์แค่ภาคทฤษฎี” แต่ไม่มี “ประสบการณ์ในภาคปฏิบัติ” ในการว่าความหรือแก้ต่างคดีในชั้นศาล ด้วยยิ่งจบข่าว พูดภาษาชาวบ้านว่า แก่แต่อายุ ไม่ได้แก่ประสบการณ์กฎหมาย แค่พรรคประชาชน ยังเอาตัวเองไม่รอด

พรรคนี้ ท่องแค่ว่า “ยุบสภา 4 เดือน” แก้รัฐธรรมนูญไปวันๆ คิดอย่างอื่นเพื่อประโยชน์สาธารณะไม่เป็น แค่สับขาหลอกประชาชนว่า โหวตเพื่อยุบสภาเท่านั้น เห็นได้จากวานนี้ ตัวแทน พรรค ปชน.เร่งรีบไปยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร ซี่งแก้รัฐธรรมนูญไม่ใช่เรื่องจำเป็นเร่งด่วนของประเทศ แต่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ประชาชนเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า เป็น สส.มาจากตัวแทนประชาชน ควรไปผลักดันแก้ปัญหาปากท้องประชาชนสำคัญกว่า

เงินค่าตอบแทนรายเดือน สส.ที่จ่ายพวกคุณ และเงินผู้ช่วย สส.อีกต่อเดือน มาจากภาษีพี่น้องประชาชน ทำงานในฐานะตัวแทนประชาชน ไม่คุ้มค่า “มุ่งเล่นแต่การเมือง” ผสมพันธุ์การเมืองครึ่งบกครึ่งน้ำ ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์สาธารณะ 

ดร.ณัฏฐ์ ชี้ ครม.ชุดใหม่บางคนสุดยี้ แต่ฝ่ายค้านสอย อนุทิน ไม่ได้

ส่วนฝ่ายค้านอิสระอย่างพรรคเพื่อไทย ยิ่งไปกันใหญ่ “เล่นแต่การเมือง” แค่สร้างอำนาจต่อรอง แต่ไม่ได้ตรวจสอบเอาจริงเอาจัง เพราะติดใจในรสชาติอำนาจ เพิ่งพ้นจากฝ่ายรัฐบาล มาเป็นฝ่ายค้าน โดยเฉพาะร่างคำร้อง 3 คำร้อง ที่ว่าจ้างให้ตนและทีมกฎหมายคนนอกพรรคเพื่อไทยเป็นผู้ยกร่าง โดยมีเนื้อหาหนักแน่นพร้อมพยานหลักฐานชั้นความลับครบถ้วน แต่ดูทรงแล้วว่า เป็นแค่เกมตีกินทางการเมืองเพื่อหยั่งกระแส “ทำเป็นขู่รัฐบาล” หรือไม่ ตนมองว่าเป็นเพียงตลกบริโภคหรือไม่ ทำท่าเหมือนจะเอาจริง แต่ไม่เอาจริง

โดยพรรคเพื่อไทยได้ประโยชน์ในแก้ไขรัฐธรรมนูญ นำไปสู่จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ในการรณรงค์หาเสียงในการเลือกตั้งครั้งหน้า และใช้เป็นนโยบายหลักในการหาเสียง โอกาสที่จะยื่นตรวจสอบตามคำร้อง 3 ฉบับ เป็นเพียงเกมการเมือง “มวยล้มต้มคนดู” ทำให้เสียรังวัด

ส่วนการไม่ร่วมวิปฝ่ายค้าน และเป็น “ฝ่ายค้านอิสระ” รัฐธรรมนูญไม่ได้บัญญัติรับรองไว้ให้มีอำนาจกระทำได้ เพราะ “ฝ่ายค้านอิสระ” ไม่มีบัญญัติในรัฐธรรมนูญ การไม่รวมวิปฝ่ายค้าน เท่ากับไม่ทำหน้าที่ฝ่ายค้าน เป็นเพียงเกมการเมืองเท่านั้น 

นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ แกนนำพรรคเพื่อไทย แจงเหตุเพื่อไทยไม่ร่วมวิปฝ่ายค้าน

ส่วนที่ถามว่า คดีเขากระโดงและคดีฮั้ว สว.สีน้ำเงิน จะเป็นในทิศทางใด เมื่อเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ ดร.ณัฏฐ์ อธิบายว่า คดีเขากระโดง อธิบดีกรมที่ดินคนใหม่ ใช้เกมปกป้องตนเองเพื่อมิให้ถูกโยกย้าย โดยให้โยนให้เป็นศาลปกครองเป็นผู้ชี้ขาด กรณีที่การรถไฟฯ ยื่นฟ้องกรมที่ดินรอบใหม่ ต่อศาลปกครองกลาง เป็นวิธีที่เอาตัวรอด แต่กรณีศาลปกครองกลาง ยกข้อหาไม่รับถึง 2 ข้อ แนวโน้มคดี โอกาสติดตามที่ดินเขากระโดงมาเป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดินโอกาสยาก

ส่วนคดีฮั้ว สว.สีน้ำเงิน อยู่ระหว่าง กกต.องค์กรอิสระ ในการพิจารณาวินิจฉัยชี้ขาด สำนวนอยู่ในขั้นตอน นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต.สรุปความเห็นเพื่อส่งสำนวนและความเห็น ให้แก่คณะอนุกรรมการวินิจฉัยฯ ตามระเบียบ กกต.ว่าด้วยการสืบสวน การไต่สวนและการวินิจฉัยชี้ขาด พ.ศ.2561 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ในชั้นคณะอนุกรรมการวินิจฉัยฯ และชั้นที่ประชุม กกต.ใช้มติเสียงข้างมาก ใน 2 ชั้นหลังนี้ มีอำนาจในการวินิจฉัยชี้ขาด “ยืน” “ยก” “กลับ” “แก้” ได้ ต้องจับตาดูว่า เปลี่ยนรัฐบาลใหม่ ขั้วอำนาจเปลี่ยน กกต.จะยึดหลักนิติรัฐ หลักความถูกต้อง ตามหลักกฎหมายและพยานหลักฐาน หรือจะใช้เทคนิค “มือที่มองไม่เห็น” เข้ามาแทรกแซงเป่าคดีหรือไม่ อย่างไร เพราะผู้ถูกกล่าวหา มีทั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เป็นผู้ถูกกล่าวหาที่ 187 และ นายเนวิน ชิดชอบ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 228 ด้วย  

นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี