
19 กันยายน 2568 สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) เปิดการฝึกอบรม “การพัฒนาทักษะในการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม” โดยมี พล.ต.อ.ณัฐธร เพราะสุนทร กสทช.ด้านกฎหมาย เป็นประธานในพิธี และบรรยายให้ความรู้กับผู้เข้ารับการอบรม โดยมุ่งพัฒนาศักยภาพผู้เกี่ยวข้องในกิจการสื่อสาร ทั้งภาครัฐ และเอกชน ให้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการป้องกันอาชญากรรมออนไลน์ ของสำนักงาน กสทช. รวมไปถึงกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้มีความเข้าใจที่ถูกต้อง และปฏิบัติไปในแนวทางเดียวกัน ทำให้มาตรการสำคัญ ที่ออกไปสามารถบังคับใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ มุ่งเป้าไปที่กลุ่มผู้กระทำผิด ไม่ให้กระทบต่อผู้บริสุทธิ์
พล.ต.อ.ณัฐธรฯ กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่าน สำนักงาน กสทช.ได้มีการปรับปรุงประกาศและกฎระเบียบหลายฉบับ โดยเฉพาะ 8 มาตรการสำคัญ ที่ออกตาม พ.ร.ก.มาตราการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ฉบับแก้ไขปรับปรุงใหม่ 2568 ให้ผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ร่วมรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นกับเหยื่อ หากไม่ดำเนินการตามมาตราการป้องกัน ตามที่ กสทช กำหนด ซึ่งมีผลบังคับใช้แล้วนั้น เพื่อตอบสนองต่อภัยคุกคามจากอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ที่มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบและวิธีการอยู่ตลอดเวลา
เช่น ล่าสุดพบว่า กลุ่มมิจฉาชีพได้มีการนำทะเบียนนิติบุคคล มาจดทะเบียนซิมผีและเปิดบัญชีม้า หลอกประชาชน ทำให้การตรวจสอบของเจ้าหน้าที่มีความซับซ้อนมากกว่าเดิม รวมทั้งการใช้ AI ในการหลอกลวงทำให้เหยื่อหลงเชื่อง่ายขึ้น เป็นต้น โดยการอบรมครั้งนี้ มุ่งเน้นในการพัฒนาขีดความสามารถผู้เกี่ยวข้องของหน่วยงานต่างๆ ในการบังคับใช้กฎหมาย ระเบียบ และมาตราการสำคัญที่กำหนด อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ให้ส่งผลกระทบกับประชาชนผู้ใช้งานทั่วไป
การขับเคลื่อนกฎหมายในส่วนที่ กสทช. รับผิดชอบนั้น สำหรับปีถัดไป ให้สำนักงาน กสทช. ปรับปรุงและพัฒนากฎหมายให้ทันสมัย สอดรับกับเทคโนโลยีที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งกฎหมายที่ทันเทคโนโลยีจะช่วยป้องกันปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ ที่เป็นภัยร้ายของสังคมในขณะนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อีกทั้งแก้ไขกฎหมายเพื่อให้เกิดการส่งเสริมธุรกิจแก่ผู้ประกอบการไทยที่มีคุณภาพ สามารถแข่งขันในกิจการสื่อสารได้อย่างเสรีและเป็นธรรม ป้องกันไม่ให้นำเอาใบอนุญาตประกอบกิจการ ไปแสวงหาผลประโยชน์อื่นที่มิชอบด้วยกฎหมาย ตลอดจนปรับปรุงบทลงโทษ ให้ได้สัดส่วนกับความเสียหาย หรือผล กระทบที่เกิดขึ้นต่อสังคม เนื่องจากกฎหมายที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน มุ่งเน้นการลงโทษเฉพาะมิติของการลักลอบประกอบกิจการ แต่ยังขาดมิติของการนำบริการไปก่ออาชญากรรมในรูปแบบต่าง ๆ อาทิ อาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือการฟอกเงิน เป็นต้น
เมื่อบทลงโทษไม่ได้สัดส่วนผู้กระทำผิดย่อมไม่เกรงกลัว ปัจจัยเหล่านี้ทำให้ สำนักงาน กสทช. ต้องมองไปข้างหน้า ทั้งในส่วนการปรับปรุงกฎหมายและระเบียบต่างๆ ให้ทันต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ควบคู่ไปกับการบังคับใช้กฎหมายที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ มุ่งเน้นไปที่กลุ่มอาชญากร โดยไม่ให้ส่งผลกระทบต่อประชาชนผู้ใช้งานปกติ พล.ต.อ.ณัฐธร กล่าว