
18 กันยายน 2568 การเมืองไทยยังอีนุงตุงนัง แม้ตอนนี้ได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่อย่าง นายอนุทิน ชาญวีรกูล จากพรรคภูมิใจไทย เข้ามานำทีมบริหารประเทศ โดยต้นเหตุก็มาจากพรรคภูมิใจไทย ที่แม้จะเป็นแกนนำรัฐบาลใหม่ แต่ก็ยังมีสองเรื่องที่เป็นชะนักติดหลัง คือคดี “ฮั้ว สว.” และ “เขากระโดง” ที่ปัจจุบัน ดูเหมือนถูกเขี่ยลูกเข้ามุมไปเรียบร้อย แถมเอาผิดทางกฎหมายกับฝ่ายการเมืองยากเสียด้วย
เมื่อวาน “ข่าวข้นคนข่าว” เล่าให้ฟังไปแล้วว่า พรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคที่เติบโตแบบ “ตอกเสาเข็ม” คือไม่ได้สร้างกระแสจนเกือบแลนดสไลด์ได้ตั้งแต่เพิ่มตั้งพรรค แล้วชนะเลือกตั้งทันทีเหมือน “ไทยรักไทย”
แต่ภูมิใจไทยค่อยๆ โต ค่อยๆ ขยับอย่างมียุทธศาสตร์ และมีระบบบริหารจัดการที่ว่ากันว่า “กินขาดทุกพรรค” ณ ปัจจุบันนี้
จาก “กลุ่มเพื่อนเนวิน” ซึ่งมี 24 สส. พลิกขั้วจากพรรคพลังประชาชน (พรรคชินวัตร) ไปหนุนคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นนายกฯ เมื่อปี 2551 และกวาดกระทรวงสำคัญอย่างมหาดไทย กับคมนาคม ไปครอบครอง
จากนั้น “กลุ่มเพื่อนเนวิน” ก็แปรสภาพเป็น “พรรคภูมิใจไทย” และโตต่อเนื่องมาเป็นลำดับ
2554 - แม้จะพลาดเป้าที่ตั้งไว้ 70-80 สส. โดยการเลือกตั้งในปี 54 ได้ สส.มาแค่ 30 คน แต่ก็ถือว่ายังพอ “รักษาทรง” เอาไว้ได้
2562 - ผ่านยุค 5 ปีแรกของ คสช. ภูมิใจไทยเปิดตัวอย่างสดใหม่ ได้อานิสงส์จาก “บัตรเลือกตั้งใบเดียว” ทำให้ได้ สส.มากกว่าครึ่งร้อย เป็นครั้งแรก คือ 51 เสียง แต่ได้คุมกระทรวงเกรด A อย่างคมนาคม ยาวตลอด 4 ปี รวมถึงกระทรวงสาธารณสุข จนมีฐานเสียงสำคัญเป็น อสม.ทั่วประเทศ
2566 - เลือกตั้งใหญ่ ได้มา 71 ที่นั่ง แม้จะพลาดเป้าจากหลักร้อยทั้งตั้ังไว้ แต่ก็ถือว่าได้ สส.มากที่สุดของพรรคการเมืองฝั่งอนุรักษ์นิยม
- เข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย แม้จะไม่ได้คุมกระทรวงคมนาคม แต่กลับได้กระทรวงมหาดไทย
**ทุกครั้งที่เข้าร่วมรัฐบาล ภูมิใจไทยได้กระทรวงสำคัญ เป็นเครื่องการันตีถึงความสามารถในการต่อรองในระดับเซียน
2567 - มีเลือก สว. ค่ายน้ำเงินเดิมเกมเงียบๆ แต่ฟาดเรียบเกือบทั้งสภา
- ดุลการเมืองเปลี่ยน เพราะ สว.คือต้นธารขององค์กรอิสระทุกองค์กร
- สว.คือตัวชี้ขาด ชี้เป็นชี้ตายการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
- ทุกพรรคต้องพึ่งภูมิใจไทย ไม่เว้นแม้แต่ “พรรคส้ม” จนเกิด “ดีลล้มแดง” ส่งภูมิใจไทยแซงขึ้่นเป็นรัฐบาล
สถานการณ์ปัจจุบัน ภูมิใจไทยกลายเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ และกำลัง “กินรวบทุกสี” จนอาจถึงขั้น “กินรวบการเมืองไทย”
- สีธงชาติ คือ พรรครวมไทยสร้างชาติ ถูกย่อยสลายยิ่งกว่าตอนอยู่ร่วมรัฐบาลเพื่อไทย วันนี้ไม่ใช่เป็น “พรรคอกแตก” แต่กลายเป็น “พรรคแตกแล้ว” เพราะ สส.หลายกลุ่มตบเท้าเข้าภูมิใจไทยเรียบร้อย เช่น กลุ่มเสี่ยเฮ้ง
**ล่าสุดกลุ่มชุมพร นำโดย “อดีต สส.ลูกหมี” เข้าค่ายสีน้ำเงินเรียบร้อย ข่าวว่า “เลขาฯขิง” เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ ก็โผล่ร่วมโต๊ะอาหาร และพบปะกับ “เสี่ยหนู อนุทิน” เรียบร้อย เพียงแต่ยังไม่เปิดตัว เปิดหน้า เพราะยังเป็นสมาชิกรวมไทยสร้างชาติ แต่ข่าวว่าไขก๊อกจากเลขาธิการพรรคแล้ว
- สีฟ้า ประชาธิปัตย์ มีการ “เปิดดีล” ดึงระดับอดีตแม่ทัพภาคใต้ตอนล่างอย่าง คุณนิพนธ์ บุญญามณี มาร่วมพรรค เสริมแกร่งพื้นที่ปลายด้ามขวานและสงขลา
- สีแดง เพื่อไทย โดนดูด “งูเห่าฝูงใหญ่” แถมแจกเก้าอี้รัฐมนตรีให้แบบเห็นๆ จูงใจคนที่ยังเหลือให้รีบทิ้งเพื่อไทย ย้ายค่ายมารับโปรใหม่ “ตอกเสาเข็ม” โดยด่วน
- สีส้ม ตั้งแต่ยุคอนาคตใหม่ ถึงก้าวไกล มี สส.พรรคส้มย้ายเข้าภูมิใจไทยจำนวนไม่น้อย และล่าสุดยังเปิดดีลสุดเซอร์ไพรส์ ทำให้พรรคประชาชนกลายเป็น “นั่งร้าน” ให้ภูมิใจไทยชิงอำนาจจากเพื่อไทย ผงาดเป็นรัฐบาล
ดีล “ส้มอวยน้ำเงิน” ต้องถือว่าเป็น “สุดยอดมหาดีล” เพราะพรรคประชาชนไม่ยอมส่งคนเข้าเป็นรัฐมนตรี และไม่ยอมร่วมรัฐบาลด้วย
- ในทางการเมือง ไม่มีใครมองเป็นสุภาพบุรุษ แต่ถูกมองเป็น “นั่งร้าน” ที่ไร้ค่า ทำให้ราคาในตลาดการเมืองตกต่ำ
- เมื่อไม่ส่งคนเข้าร่วมรัฐบาล ทำให้ตำแหน่งรัฐมนตรีเหลือเฟือ พรรคร่วมรัฐบาลแค่ 146 เสียง แบ่งกัน 4 ต่อ 1 หรือ 3 ต่อ 1 ด้วยซ้ำ ส่วนกลุ่ม สส.ที่มาภายหลัง “ครูใหญ่” ก็ใจแข็ง ไม่ให้โควตา เพราะรู้ดีว่า สุดท้ายไปต่อไม่ได้ ก็ไหลมาเอง ไม่ต้องเสียเก้าอี้ เช่น กลุ่มลูกหมี ชุมพร กลุ่มเลขาฯ ขิง เอกนัฏ
- เก้าอี้ที่เหลือเฟือ ทำให้มีโควตา “คนนอก - เทคโนแครต” สร้างกระแสฮือฮา กลบรัฐมนตรีสีเทา
- เก้าอี้ที่เหลือเฟือ ถูกนำไปแจกจ่ายซื้อใจกลุ่มการเมืองต่างๆ ทั้งในภูมิใจไทยเอง และกลุ่มที่มาร่วมสนับสนุน เท่ากับเป็นการ “ซื้อใจบ้านใหญ่ล่วงหน้า” โดยไม่ต้องลงทุน ลงแรง หรือเฉือนเนื้อตัวเองเลย
***ตัวอย่างเช่น กลุ่มบุญญามณี จริงๆ ก็ได้เก้าอี้ 1 รัฐมนตรีช่วย จาก 3 สส.ที่ยกพลเข้ามา แต่สุดท้ายสละสิทธิ์ไปเอง
“กลุ่มบ้านใหญ่กระบี่” เลือกตั้งปี 66 ภูมิใจไทยกวาดมาได้ 3 เก้าอี้ ยกจังหวัด รอบนี้จึงได้รัฐมนตรีไปครอง คือ ศศิธร กิตติธรกุล ว่าที่ รมช.มหาดไทย โดย ศศิธร เป็นลูกสาวของ “โกหงวน” สมศักดิ์ กิตติธรกุล นาก อบจ.กระบี่ ซึ่งครองเก้าอี้มา 8 สมัย และยังเป็นญาติของ กิตติ กิตติธรกุล สส.กระบี่เขต 1 / ซึ่งพาทีมกวาด 3 เขต ยกจังหวัด
“กลุ่มเสี่ยเฮ้ง” ที่พามา 16 สส. ก็ตอบแทน “2 รัฐมนตรีว่าการ + 1 รัฐมนตรีช่วย” โดยเฉพาะ “เสี่ยเฮ้ง” ได้ตำแหน่งทั้งตัวเอง และคนสนิท (จ่าเอกยศสิงห์ เหลี่ยมเลิศ ว่าที่ รมช.อุตสาหกรรม) เช่นเดียวกับ “ดร.แด๊ก” ธนกร วังบุญคงชนะ ที่ได้นั่ง “รมว.อุตสาหกรรม” เพราะดูแล สส.ในสังกัดอีกจำนวนหนึ่ง และยังเป็น “ดีเอ็นเอลุงตู่”
นี่คือตัวอย่างของการบริหารเก้าอี้ ซื้อใจบ้านใหญ่ หัวหน้าซุ้ม “ล่วงหน้า” โดยไม่ต้องลงทุน และไม่ต้องเฉือนเนื้อตัวเอง เรียกว่า “กินแต่เนื้อส้ม” แถมคายเม็ดใส่ “ด้อมส้ม” อีกต่างหาก