
นายแสวง บุญมี เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ เลขาธิการ กกต.เปิดเผยความคืบหน้าการตรวจสอบการสำนวนฮั้ว สว.ในขณะนี้ว่า ขณะนี้ อยู่ในชั้นเลขาธิการ กกต.เพื่อตรวจสำนวนว่า อนุคณะกรรมการวินิจฉัยได้ตรวจสอบครบถ้วนหรือไม่ ซึ่งภายใน 16 กันยายนี้ จะถูกส่งไปยังอนุกรรมการวินิจฉัยของกรรมการ กกต.แต่หากการตรวจสอบยังไม่ครบถ้วน ก็จะต้องตรวจสอบใหม่ ซึ่งสาเหตุที่ล่าช้า เป็นเพราะทุกคนต้องการความยุติธรรม แต่เงื่อนไขไม่ได้อยู่เพียงเวลาอย่างเดียว เพราะมีขั้นตอนกำหนดที่ทุกขั้นตอนจะต้องได้รับการตรวจสอบซึ่งกันและกันว่า เป็นไปอย่างถูกต้อง และเป็นธรรมหรือไม่ และต้องใช้เวลาให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม และได้รับการปฏิบัติ และได้รับโอกาสอย่างเป็นธรรม ไม่เป็นไปเพื่อความต้องการของคนใดคนหนึ่ง รวมถึงต้องพิจารณาข้อเท็จจริง ที่จะต้องพิจารณาหลักฐานข้อเท็จจริง ที่ครบถ้วน จนสิ้นกระแสความได้หลักฐานที่วินิจฉัยได้ ไม่ใช่เพียงเรื่องเล่าจากภายนอก และขั้นตอนการปฏิบัติ ดังนั้น ในการพิจารณาสำนวน สว.อาจจะแตกต่างจากสำนวน สส.เพราะมีตั้งแต่ระดับอำเภอ จังหวัด และประเทศ แตกต่างจาก สส.ที่มีเพียงแบบเขต จึงอาจต้องใช้เวลา โดยยันว่า ไม่สามารถตัดขั้นตอนออกไปได้ เพราะจะต้องดำเนินการให้ครบถ้วน เมื่อเสร็จสิ้นในขั้นตอนเลขาธิการ กกต.แล้ว ก็จะไปสู่ชั้นอนุกรรมการวินิจฉัยที่มีระยะเวลาพิจารณาไม่เกิน 90 วัน ก่อนไปสู่ชั้นกรรมการ กกต.
ส่วนที่มีกระแสข่าว กกต.มีการตั้งคณะอนุกรรมการชุดที่ 27 เพื่อแสวงหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมนั้น เลขาธิการ กกต. ยอมรับว่า มีการพิจารณาในสำนวน และพบการกระทำผิดอื่น ที่ไม่อยู่ในสำนวนเดิม แต่พบจากกลุ่มเดิม และมีฐานความผิดใหม่ ซึ่งอาจทำให้เกิดความผิดอื่นได้ กกต.อาจตั้งคณะกรรมการไต่สวนชุดใหม่เพิ่มเติมหากพบความปรากฏขึ้นมาใหม่ได้ แต่เรื่องที่เกิดขึ้นก่อนนั้น ได้แยกเป็นสำนวน ๆ อยู่แล้ว ซึ่งในขณะนี้ มีราว ๆ 500 สำนวน และสำนวนของคณะอนุกรรมการชุดที่ 26 ตอนนี้ อยู่ในชั้นเลขาธิการ กกต.ที่จะครบกำหนดไม่เกิน 16 กันยายนนี้
เลขาธิการ กกต.ยังยืนยันว่า หากมีการตั้งคณะอนุกรรมการชุดที่ 27 นั้น ไม่ได้เพื่อเป็นการยื้อหรือถ่วงเวลาการตรวจสอบ แต่เป็นเพราะเป็นเรื่อที่เกิดขึ้นมาใหม่ และย้ำว่า ข้อร้องเรียนในสำนวนเดิมนั้น ก็จะยังคงดำเนินการต่อไปตามขั้นตอน
ส่วนกรณที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ออกมาระบุการสอบฮั้ว สว.ล่าช้า เพราะเลขาธิการ กกต.เป็นคนจังหวัดบุรีรัมย์นั้น เลขาธิการ กกต.ยอมรับว่า ตนเป็นคนบุรีรัมย์ แต่ก็ยืนยันว่า กระบวนการตรวจสอบจะต้องเป็นไปตามข้อเท็จจริง และข้อกฎหมาย