svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

เห็นชอบสร้างรั้วชายแดนไทยกัมพูชา 16 กม. - เล็งเอาผิดกัมพูชารุกที่ไทย

ศบ.ทก. เผยภาพรวมชายแดนยังตรึงกำลังทั้งสองฝ่าย วางโรดแมพถก GBC 7-10 ก.ย.นี้ พร้อมเห็นชอบแผนสร้างรั้วชายแดน 16 กิโลเมตร เล็งใช้กฎหมายกับชาวกัมพูชาที่บุกรุกพื้นที่

3 กันยายน 2568 พลเรือตรี สุรสันต์ คงศิริ โฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. แถลงผลการประชุม ศบ.ทก. ว่า สถานการณ์ด้านความมั่นคงในพื้นที่บริเวณชายแดนในภาพรวม ยังคงมีการตรึงกำลังเฝ้าระวังทั้งสองฝ่าย สถานการณ์โดยทั่วไปอยู่ในภาวะสงบ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากช่วงเวลาที่ผ่านมา 

ส่วนการลงพื้นที่ของคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว (Interim Observer Team: IOT) ประกอบไปด้วย ผู้ช่วยทูตทหาร จาก 8 ประเทศสมาชิกอาเซียน เมื่อวานนี้(2 ส.ค.2568) ในพื้นที่ความรับผิดชอบของกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ทั้งการไปดูจุดผ่านแดนถาวรบ้านหาดเล็ก เพื่อสำรวจหลักเขตที่ 73 ซึ่งเป็นหลักเขตแดนสุดท้ายทางบก แสดงการปักปันเขตแดนระหว่างไทย-กัมพูชา ที่ตั้งอยู่บริเวณบ้านหาดเล็กจังหวัดตราด , การเยี่ยมชมการเก็บกู้ทุนระเบิด ที่จังหวัดตราด ซึ่งมีพื้นที่ภูมิประเทศเป็นเทือกเขา ยากแก่การเข้าถึง และยังต้องเผชิญหน้ากับกองกำลังของฝ่ายกัมพูชาที่ติดอาวุธด้วย แสดงให้เห็นถึงความท้าทายและความยากลำบากในการดำเนินการ , การเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ศูนย์ราชการุณย์ ซึ่งเดิมคือสถานที่พักพิงชาวกัมพูชาที่อพยพหนีสงครามภายในช่วง พ.ศ. 2521–2532 เพื่อบอกเล่าเรื่องราวการอพยพของชาวกัมพูชาในผืนแผ่นดินไทย 

เห็นชอบสร้างรั้วชายแดนไทยกัมพูชา 16 กม. - เล็งเอาผิดกัมพูชารุกที่ไทย

การฟังบรรยายสรุปจากกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ทัพเรือภาคที่ 1 เพื่อรับทราบการปฏิบัติของหน่วยในพื้นที่อย่างครบถ้วน สร้างความมั่นใจว่าการปฎิบัติเป็นไปตามข้อตกลงหยุดยิงเป็นไปอย่างถูกต้อง โปร่งใส ยุติธรรม โดยขั้นตอนการรายงานทุกฉบับ จะถูกจัดส่งไปยังคณะผู้สังเกตการณ์ เพื่อนำเสนอผู้บัญชาการทหารสูงสุดและกระทรวงกลาโหมของสองประเทศรับทราบ เพื่อยืนยันความร่วมมือในการรักษาสันติภาพผ่านกลไกการประสานงานของกองทัพ โดยคณะผู้สังเกตการณ์เน้นย้ำว่า ไม่มีหน้าที่ตัดสินว่าฝ่ายใดถูกหรือผิด แต่จะทำหน้าที่สังเกตการณ์เก็บข้อมูลและรายงานอย่างเป็นธรรม

นอกจากนี้ ศบ.ทก. ยังได้จัดทำโรดแมป สำหรับการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป หรือ GBC วันที่ 7-10 กันยายน 2568 ในพื้นที่จังหวัดเกาะกง ประเทศกัมพูชา โดยรูปแบบการประชุมก็จะเหมือนกับครั้งที่ 1 แบ่งเป็น 2 ส่วนคือ การประชุมของฝ่ายเลขานุการร่วม ช่วงวันที่ 7-9 กันยายน จากนั้นวันที่ 10 กันยายน จะเป็นการประชุม GBC หลัก และมีการแถลงข่าวหลังการประชุมในพื้นที่จังหวัดตราด

เห็นชอบสร้างรั้วชายแดนไทยกัมพูชา 16 กม. - เล็งเอาผิดกัมพูชารุกที่ไทย

ขณะเดียวกัน ยังมีการติดตามการบริหารจัดการชายแดนบ้านหนองจาน และบ้านหนองหญ้าแก้ว โดยวันนี้ผู้ว่าฯ สระแก้ว ได้นำเสนอแนวทางการดำเนินการเสริมสร้างความมั่นคงปลอดภัยให้กับประชาชนชาวไทยในพื้นที่ทั้ง 2 จุด โดยมีแผนจะสร้างรั้วระยะทางประมาณ 16 กิโลเมตร บริเวณหลักเขตแดนที่ 50 ถึง 51  ซึ่งถือเป็นหลักเขตแดนที่มีการสำรวจและได้ข้อยุติเรียบร้อยแล้ว และจะมีการสำรวจสิทธิการครอบครองที่ดินในพื้นที่อย่างละเอียด ตลอดจนมีมาตรการดำเนินการตามกฏหมายของไทย ในการประกาศใช้กฎหมายกับชาวกัมพูชาที่บุกรุกพื้นที่ และแจ้งความดำเนินการกับราษฎรกัมพูชาที่บุกรุกพื้นที่ป่าไม้ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 54 และมาตรา 72 ตรี ซึ่งที่ประชุม ศบ.ทก. ได้เห็นชอบในหลักการที่จังหวัดสระแก้วเสนอมา และจะนำข้อมูลต่างๆเหล่านี้เสนอต่อที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติในลำดับต่อไป เพื่อขออนุมัติ

ด้าน นางมาระตี นะลิตา อันดาโม โฆษก ศบ.ทก. ด้านต่างประเทศ กล่าวว่า ในช่วง 26-28 สิงหาคม 2568 นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เดินทางไปนครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เพื่อนำข้อมูลและหลักฐานเกี่ยวกับสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะการวางทุ่นระเบิดในเขตแดนของไทย ไปชี้แจงกับบุคคลสำคัญต่างๆ และยืนยันถึงความมุ่งมั่นของไทยที่จะปฏิบัติตามพันธกรณีภายใต้อนุสัญญา ซึ่งบุคคลที่นายมาริษได้พบ มีอิทธิพลต่อการส่งเสริมให้เกิดการปฎิบัติตามอนุสัญญา

ส่วนการบิดเบือนข้อมูลข่าวสารของ "ขแมร์ไทม์" ที่อ้างกรณีชาวกัมพูชาไม่สามารถเดินทางกลับภูมิลำเนาได้ เป็นผลจากอาวุธที่ตกค้างของฝ่ายไทยจากการปะทะบริเวณชายแดนในช่วงที่ผ่านมา ถือเป็นข้อกล่าวหาที่บิดเบือนข้อเท็จจริง และการกระทำก็สวนทางกับข้อกล่าวหา โดยกัมพูชายังคงเป็นฝ่ายละเมิดข้อตกลงหยุดยิงมาโดยตลอด ทั้งการวางทุ่นระเบิด การใช้โดรน และปลุกระดมประชาชน 

ล่าสุดยังพบการใช้ระเบิดแสวงเครื่องในฝั่งไทย และเร็วๆนี้มีรายงานจากนิตยสารด้านความมั่นคงที่เรียกว่า JANES ซึ่งจากภาพถ่ายทางดาวเทียมพบการตั้งฐานปฏิบัติการทางทหารในฝั่งกัมพูชาบริเวณชายแดนหลายเดือนแล้ว ก่อนที่จะเกิดเหตุปะทะกันจริงๆ ก็สอดคล้องกับท่าทีของไทยที่ชี้แจงมาโดยตลอดว่ากัมพูชาได้ริเริ่มการโจมตี ดังนั้นไทยจึงกังวลต่อการเผยแพร่ข้อมูลบิดเบือน และการโฆษณาชวนเชื่อของกัมพูชาที่ทำมาอย่างเป็นระบบ

เห็นชอบสร้างรั้วชายแดนไทยกัมพูชา 16 กม. - เล็งเอาผิดกัมพูชารุกที่ไทย

ขณะที่ น.ส.ศศิกานต์ วัฒนจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นับตั้งแต่ 24 กรกฎาคม 2568 ถึง 2 กันยายน ที่ผ่านมา เกิดเหตุปะทะแล้ว 45 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 22 ราย บาดเจ็บ 40 ราย รวมทั้งหมด 62 ราย บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 885 หลังคาเรือน ขณะนี้ซ่อมแล้วเสร็จ 683 หลังคาเรือน คิดเป็นกว่า 77% ส่วนพื้นที่การเกษตรมีความเสียหาย 556 ไร่ ปศุสัตว์ตายและสูญหาย รวมกว่า 780 ตัว โรงเรียนได้รับผลกระทบ 29 แห่ง สถานที่ทางศาสนา 2 แห่ง และสถานพยาบาล 1 แห่ง

สำหรับการเยียวยารัฐบาลได้จ่ายเงินเยียวยาช่วยเหลือแล้ว 34,346,022.57 บาท แบ่งเป็นเงินช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิต 32,108,658.57 บาท และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บอีกกว่า 2 ล้านบาท ส่วนการจ่ายเงินทดลองราชการเพื่อช่วยเหลือประชาชน อยู่ภายใต้อำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัด ใช้จ่ายไปแล้วกว่า 201 ล้านบาท โดยจ่ายให้กับ 6 จังหวัดหลัก ได้แก่ บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี สระแก้ว และจังหวัดตราด อีกทั้งมีความช่วยเหลือด้านอื่นอีกประมาณ 2,090,024 บาท 

นอกจากนี้ ครม. ยังมีมติเห็นชอบการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ ซึ่งเป็นไปตามมติ ครม. เมื่อ 5 สิงหาคม 2568 โดยยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งจะครอบคลุมผู้เสียชีวิตและทุพพลภาพ 17 ราย เป็นเงิน 136 ล้านบาท และกรณีผู้บาดเจ็บสาหัส 37 ราย เป็นเงิน 29.6 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 165.6 ล้านบาท ซึ่งรัฐบาลมอบหมายให้กระทรวงการคลัง เป็นเจ้าภาพหลักในการดูแลประชาชน เพื่อให้ได้รับเงินเยียวยาอย่างครบถ้วนและเร็วที่สุด