svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

นักกฎหมายมหาชน ชี้ถ้า “อนุทิน” นั่งนายกฯ เสี่ยงขาดคุณสมบัติ

นักกฎหมายมหาชน ชี้หาก “อนุทิน” นั่งนายกฯ เสี่ยงขาดคุณสมบัติ กรณีซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์-ฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง

1 กันยายน 2568 “ดร.ณัฏฐ์” ณัฐวุฒิ วงศ์เนียม นักกฎหมายมหาชน กล่าวถึงเกมแย่งชิงจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ โดยสังคมกำลังรอมติพรรคประชาชนจะเทเสียง สส.ให้แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนใด ฝ่ายพรรคเพื่อไทย หรือฝ่ายพรรคภูมิใจไทย โดยตั้งข้อสังเกตว่า การเลือกนายกฯคนใหม่จะต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 159 วรรคสาม โดยจะต้องใช้เสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวน สส.เท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร

 

ดร.ณัฏฐ์

 

โดยที่มาของนายกรัฐมนตรี ต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 158 วรรคสอง ประกอบมาตรา 159 วรรคหนึ่ง โดยเงื่อนไขหลัก “ว่าที่นายกรัฐมนตรี” ของแต่ละพรรคการเมือง ต้องมาจากรัฐมนตรีมาตรา 88 คือ “บัญชีแคนดิเดต” ที่เสนอชื่อไว้พรรคละไม่เกิน 3 คนตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง ดังนั้น “นายกรัฐมนตรีคนนอก” หรือ”นายกรัฐมนตรีพระราชทาน” เหมือนในอดีต จึงไม่อาจเกิดขึ้นได้

อนุทิน ชาญวีรกูล

 

สาระสำคัญของมาตรา 159 วรรคหนึ่ง นายกรัฐมนตรีจะต้องมีคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 160 ซึ่งมีบัญญัติไว้หลายข้อ หนึ่งในนั้นคือ จะต้องมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ หรือ ไม่มีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง

 

หากพิจารณาคุณสมบัติของ “นายอนุทิน ชาญวีรกุล” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และเป็นว่าที่นายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญมาตรา 88 ประกอบมาตรา 159 วรรคหนึ่ง  นายอนุทินถูกคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน กกต.คณะที่ 26 แจ้งข้อหาร่วมกันทุจริตการเลือก สว. หรือที่เรียกกันว่า “คดีฮั้ว สว.” แม้คดีจะไม่ถึงที่สุด โดยไม่มีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160(6) ประกอบมาตรา 98 ก็ตาม (ต้องคำพิพากษาจำคุก) แต่ต้องพิจารณาคุณสมบัติในข้ออื่นประกอบการพิจารณาด้วย

อนุทิน ชาญวีรกูล

 

นั่นก็คือเงื่อนไขข้อห้ามขาดคุณสมบัติในปัญหาข้อกฎหมายในเรื่อง “ความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์” หรือไม่  หรือมีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง หรือไม่ จะเป็นปัญหาย้อนกลับไปที่ตัวนายอนุทิน โดยตรง

 

หากพิจารณา กรณีข้อเท็จจริงเชิงประจักษ์ คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน กกต. คณะที่ 26 แจ้งข้อหาแก่ นายอนุทิน ในการร่วมกันทุจริตการเลือก สว. ตาม พ.รป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว.มาตรา 77(1) และ เข้าข่ายสมคบกันฟอกเงิน และอั้งยี่ จึงอาจมีลักษณะเข้าข่ายหลักเกณฑ์ “ขาดคุณสมบัติ” เป็นนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160(4) และ (5)  โดยนายอนุทินเป็นหนึ่งในจำนวน 229 คน ที่ถูกแจ้งข้อหาแล้ว แม้คดีไม่ถึงที่สุดก็ตาม

 

กระบวนการตรวจสอบคุณสมบัติก่อนทูลเกล้าฯ เป็นอำนาจหน้าที่ของ “เลขาธิการ ครม.” ฝ่ายข้าราชการประจำ และเป็นปัญหาข้อเท็จจริงไปสู่ข้อกฎหมาย ที่เรียกว่า “ปัญหาข้อเท็จจริง”  จะต้องส่งให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตีความ ก่อนที่จะเสนอรายชื่อนายอนุทิน ทูลเกล้าฯ 

 

การฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมหรือละเมิดจริยธรรม เป็นความหมายกว้างกว่าและครอบคลุมกว่าผลในคดีอาญา ตามมาตรฐานจริยธรรม พ.ศ.2561 ในหมวดหนึ่ง ว่าด้วยจริยธรรมว่าด้วยอุดมการณ์ และเป็นจริยธรรมร้ายแรง ข้อ 27 ถือเป็นส่วนหนึ่งของคุณสมบัตินายกรัฐมนตรี