
28 สิงหาคม 2568 จากกรณีทหารไทยจากกองพันทหารราบที่ 22 เหยียบกับระเบิดแสวงเครื่องชนิด PMN-2 ขณะออกลาดตระเวน ระหว่างฐานปฏิบัติการ หน้าบังเกอร์ 11–12 ด้านทิศตะวันตกของปราสาทตาควาย จังหวัดสุรินทร์ บริเวณเนิน 350 ส่งผลให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย โดยหนึ่งในนั้นข้อเท้าขาด
มีข้อสงสัยว่า ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดเขมรมาแล้ว 5 ครั้ง ขาขาดไป 5 ขา จึงระมัดระวังเป็นอย่างมากในการลาดตระเวน แต่ทำไมจึงเกิดเหตุการณ์ขึ้นซ้ำอีก แถมทหารกัมพูชาเพิ่งรับปากจะร่วมกันเก็บกู้ทุ่นระเบิดร่วมกับทางการไทย หลังนานาชาติเริ่มประณาม แต่มรดกที่ทหารเขมรทำไว้ ส่งผลให้ความร่วมมือ ความปลอดภัย และสันติภาพตามแนวชายแดนไม่เกิดขึ้นจริง
แหล่งข่าวจากหน่วยอีโอดี และ TMAC ไทย หรือ ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ให้ข้อมูลกับ “ข่าวข้นคนข่าว” เนชั่นทีวี ว่า ทุ่นระเบิดล่าสุดที่ทหารไทยพลาดไปเหยียบ ยังเป็นรุ่นเดิม คือ PMN-2 แต่เป็นรุ่นที่ใช้พลาสติกมากกว่าโลหะ ทำให้เครื่องตรวจจับโลหะทั่วไปตรวจจับได้ยากขึ้น โดยตัวอุปกรณ์ใช้วัสดุพลาสติกและยางเป็นส่วนประกอบหลักแทนโลหะ แต่ระเบิดตระกูลนี้มีรุ่นที่เป็นพลาสติกอยู่แล้ว ไม่ใช่รุ่นย่อยพิเศษ
สำหรับ PMN รุ่นแรก กับ PMN-2 ผลิตที่สหภาพโซเวียตเหมือนกัน แต่คนละปี พัฒนาห่างกันประมาณ 30 ปี
วิธีการตรวจหาทุ่นระเบิดชนิดนี้ ต้องใช้เทคนิคใหม่ คือใช้การตรวจหาสาร TNT ที่ซึมออกจากระเบิดในดิน ขณะเดียวกัน เครื่องตรวจรุ่นใหม่ๆ จะมีความไวให้ตรวจจับโลหะปริมาณน้อยๆ ได้ เช่น สปริง ดินปืนจุดชนวน / แต่ปัญหาคือถ้าในพื้นที่นั้นมีเศษโลหะปนเปื้อนมาก เช่น เศษกระสุน จะทำให้สัญญาณรบกวนสูง และตรวจจับระเบิดได้ยากอยู่ดี