
จากปัญหาเรื่องการศพทหารกัมพูชาถูกทิ้ง ถูกพูดถึงมาก เริ่มจากยอดตายของ “พลรบ” ที่ถูกปกปิด จึงมีการคาดการณ์ว่าน่าจะสูญเสียเยอะ
เรื่องเริ่มแดงขึ้นมา เพราะมีปัญหาเรื่องกลิ่นซากศพตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาจุดที่มีการปะทะ ปัญหาเรื่องกลิ่นซากศพร้ายแรง ถึงขั้นมีแคมเปญขอเปิดรับบริจาคหน้ากากอนามัยอย่างดี รวมทั้งมีการประท้วงเรียกร้องอย่างตรงไปตรงมาจากฝ่ายไทย เพราะเกรงเรื่องโรคระบาด
โดย พล.ท.พงศกร รอดชมภู อดีตรองเลขาธิการ สมช. บอกสาเหตุทำไมเขมรทิ้งศพทหารว่า เป็นสไตล์การรบแบบรัสเซีย ซึ่งกัมพูชายึดหลักนิยมเดียวกัน คือ มุ่งรุกรบอย่างเดียว คนตายก็ตายไป ตายแล้วทิ้งเลย ประกอบกับระบบการปกครองที่ผู้นำมีอำนาจเผด็จการ ทำให้ไม่สนใจชีวิตประชาชนและทหาร ทำสงครามเพื่ออำนาจ และเพื่อให้ตัวเองรอด กลยุทธ์แบบนี้ หากรบยืดเยื้อ ไทยอาจเสียเปรียบได้เหมือนกัน เพราะฝ่ายกัมพูชาตายได้ไม่จำเป็น และเงินเยียวยาหรือเงินชดเชยต่ำมาก
ขณะที่ พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม และอดีตเจ้ากรมกิจการชายแดนทหาร ก็ให้ข้อมูลคล้ายคลึงกัน
นอกจากนี้พบว่า สถานการณ์ทหารกัมพูชาสูญเสียเยอะ มีการส่งภาพในหมู่กำลังพลกัมพูชา แล้วหลุดมาถึงไทย รวมถึงภาพบางส่วนที่เราเก็บได้ตามแนวชายแดน สื่อสังคมออนไลน์ และคนกัมพูชา ตามหาคนหาย และวิจารณ์กันถึงเรื่องทหารกัมพูชาเสียชีวิตกันอย่างกว้างขวาง ประเด็นนี้อ่อนไหวจริง เพราะ ธี โสวันทา รองผู้ว่าเมืองกษัตริย์ ยังถูกฮุน เซน สั่งปลด จากเหตุแค่โพสต์ว่าทหารกัมพูชามีปัญหาสุขภาพ เพราะดื่มแอลกอฮอล์หนัก
และถ้าข่าวตายเยอะแพร่ออกไปมากๆ อาจสั่นคลอนอำนาจของฮุน เซนได้เหมือนกัน
ขณะที่ พล.ท.พงศกร รอดชมภู อดีตรองเลขาธิการ สมช. ประเมินว่า ยอดสูญเสียของกำลังพล ประเมินจากหน่วยที่ทำการรบกับทหารไทย และโดนโจมตีหนักๆ น่าจะสูญเสียไม่ต่ำกว่า 3,000 นาย
เหตุผลสำคัญ อีกประการหนึ่งที่ทำให้เกิดการทิ้งศพ ก็คือ ต้องการปิดข่าวการเสียชีวิตของกำลังทหาร เพื่อไม่ให้ดูเสียเปรียบฝ่ายไทย ทำให้ฮุน เซน และเครือข่าย ไม่พูดถึงเรื่องนี้