svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"บิ๊กอ้วน" สั่ง "สุชาติ" ลุยสางคดีจับสึก "พระฉาว" เอี่ยว "สีกากอล์ฟ" แก้ กม. “พระ” ให้เข้มขึ้น

"บิ๊กอ้วน" สั่ง "สุชาติ" ลุยร่วม "ตำรวจ-สำนักพุทธ" สางคดีจับสึก "พระฉาว" เอี่ยว "สีกากอล์ฟ" พร้อมแก้ไขกฎหมาย “พระสงฆ์” ให้เข้มงวดขึ้น

15 กรกฎาคม 2568 นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี มีข้อสั่งการในที่ประชุมดังนี้

 

 

"บิ๊กอ้วน" สั่ง "สุชาติ" ลุยสางคดีจับสึก "พระฉาว" เอี่ยว "สีกากอล์ฟ" แก้ กม. “พระ” ให้เข้มขึ้น

 

"บิ๊กอ้วน" สั่ง "สุชาติ" ลุยสางคดีจับสึก "พระฉาว" เอี่ยว "สีกากอล์ฟ" แก้ กม. “พระ” ให้เข้มขึ้น

 

 

"บิ๊กอ้วน" สั่ง "สุชาติ" ลุยสางคดีจับสึก "พระฉาว" เอี่ยว "สีกากอล์ฟ" แก้ กม. “พระ” ให้เข้มขึ้น

1.เรื่อง ปัญหาพระภิกษุสงฆ์ กระทำความผิดวินัยสงฆ์ ในกรณีพระชั้นผู้ใหญ่หลายรูปกระทำผิดวินัยสงฆ์ ซึ่งปรากฏว่าพระหลายรูปได้มีการลาสิกขาไปแล้ว แต่ขณะที่ยังมีพระอีกหลายรูป ที่ต้องสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าว ซึ่งส่งผลกระทบต่อความศรัทธาของประชาชนต่อพุทธศาสนาของประเทศโดยรวม

จึงขอให้นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่กำกับ ให้สำนักงานพระพุทธศาสนาร่วมกับมหาเถรสมาคม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งดำเนินการติดตามพระสงฆ์และผู้ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดทุกฝ่ายในเรื่องนี้ มาเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมาย และดำเนินตามวินัยสงฆ์ ตลอดจนพิจารณาถึงการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้ครอบคลุมถึงความผิดในทุกมิติ

รวมถึงการบริหารจัดการดูแลเงินของวัดให้มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ เพื่อไม่ให้เกิดความเสื่อมเสียแก่พระพุทธศาสนา และให้กระทรวงวัฒนธรรม รณรงค์ร่วมกับสำนักงานพระพุทธศาสนา กระทรวงศึกษาธิการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมไทยพุทธที่ถูกต้อง

รวมทั้งวิธีการปฏิบัติตนระหว่างฆราวาส และพระสงฆ์ ในการดำเนินชีวิตตามวิถีขนบธรรมเนียมประเพณีไทย เพื่อธำรงไว้ซึ่งศีลธรรมอันดี ความสงบเรียบร้อยของประชาชนในสังคม

 

 

 

 

2. กรณีชายแดนไทย-กัมพูชา รักษาการนายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการว่า ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ดำเนินมาตรการในการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการในจังหวัดชายแดน จากการที่รัฐบาลได้มีมาตรการจำกัดเวลาในการเปิด-ปิดด่านในจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา 7 จังหวัด ซึ่งอาจจะกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนและผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจตามแนวชายแดนนั้น โดยสั่งการให้หน่วยงานที่รับผิดชอบดำเนินการดังนี้

ให้กระทรวงพาณิชย์ เร่งดำเนินการหามาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการตามแนวชายแดนที่จะต้องมีการส่งสินค้าข้ามแดน ในการหาตลาดหรือขอความร่วมมือจากภาครัฐและเอกชนในการรับซื้อสินค้า ตลอดจนกระบวนการขนส่งสินค้าที่อาจจะต้องใช้ระยะเวลาที่นานขึ้น เพื่อไม่ให้เป็นภาระแก่ผู้ประกอบการในบริเวณดังกล่าว

และให้กระทรวงกลาโหม และหน่วยงานความมั่นคง ดูแลความปลอดภัยให้แก่พี่น้องประชาชนในพื้นที่ และไม่ให้กระทบต่อความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนทั้ง 2 ประเทศ โดยคำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยธรรมสากลเป็นที่ตั้ง

 

3. สำหรับมาตรการยกระดับความปลอดภัย ทั้งในเรื่องการดูแลนักท่องเที่ยว และการป้องกันและปราบปราม ยาเสพติด และขบวนการคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งที่ผ่านมากองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 ที่รับผิดชอบ จังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี กำแพงเพชร ตาก พิจิตร พิษณุโลก สุโขทัย เพชรบูรณ์ อุตรดิตถ์ ได้มีการบูรณาการในการนำข้อมูลของหน่วยงานต่างๆร่วมใช้กับกล้อง CCTV แล้วเกิดผลสำเร็จทำให้สามารถติดตามตรวจสอบผู้กระทำความผิดทั้งในด้านยาเสพติด ขบวนการ call center ที่อาศัยประเทศไทยเป็นทางผ่าน ในบริเวณภาคกลางตอนบน ภาคเหนือ และภาคอีสานได้เป็นอย่างมาก

 

 

“จึงขอให้หน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง บูรณาการนำข้อมูล และระบบดังกล่าวมาใช้ในการเพิ่มมาตรการความปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชน และนักท่องเที่ยว ในบริเวณชุมชนโดยเฉพาะบริเวณแหล่งท่องเที่ยว โรงพยาบาล โดยเริ่มนำร่องในจังหวัดหลัก เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับพี่น้องประชาชน และนักท่องเที่ยวโดยเร็วตามนโยบายของรัฐบาล” นายจิรายุ กล่าว