6 กรกฎาคม 25698 ปฏิบัติการบุกค้น และตรวจยึด “แก๊งบัญชีม้า” เครือข่ายของขบวนการเรียกค่าหัวคิวต่อใบอนุญาตแรงงานต่างด้าว ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI เพิ่งเปิดโอเปอเรชั่นใหญ่ไปเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 3 กรกฎาคมที่ผ่านมานั้น
“แก๊งบัญชีม้า” เป็นเพียงส่วนเสี้ยวเล็กๆ ของเครือข่ายนี้ เพราะข้อมูลจากการสืบสวนของ DSI ลงลึกไปถึงบุคคลในเครือข่ายทั้งหมด ซึ่งประกอบด้วย
- นักธุรกิจและคนใกล้ชิดนักการเมืองระดับ “รัฐมนตรี” ในกัมพูชา
- เจ้าหน้าที่รัฐกัมพูชา
- เจ้าหน้าที่รัฐฝั่งไทย (คงไม่ต้องบอกว่ากระทรวงไหน)
- บริษัทที่เปิดขึ้นมาบังหน้า
- ตัวเชื่อมกับคนของฝ่ายการเมือง
- หัวโจกใหญ่ ชื่อย่อ น. และ พ.
แผนประทุษกรรมของเครือข่ายกินหัวคิวแรงงานต่างด้าวนี้ อาศัยช่องโหว่จากประกาศกระทรวงแรงงานที่ออกเมื่อ 26 พฤศจิกายน 2567 เพื่ออำนวยความสะดวกให้ต่อใบอนุญาตทำงานของคนต่างด้าว ในแบบออนไลน์
โดยมีจำนวนแรงงานต่างด้าวกลุ่มเป้าหมายทั้่งหมด ซึ่งขึ้นทะเบียนถูกต้อง จำนวน 2,398,218 คน แบ่งตามสัญชาติ คือ
- เมียนมา 2,012,856 คน
- กัมพูชา 287,557 คน
- ลาว 94,132 คน
- เวียดนาม 3,673 คน
กลไกการทุจริต เริ่มจาก อาศัยช่องว่างจากประกาศกระทรวงแรงงาน ลงวันที่ 26 พฤศจิกายน 2567 ที่กำหนดให้แรงงานต้องได้รับการรับรองจาก “สถานทูต และ AGENCY” ก่อนต่อใบอนุญาต
จากเงื่อนไขดังกล่าว เปิดช่องให้มีการเรียกรับผลประโยชน์ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผลก็คือ หากแรงงาน หรือนายจ้าง ไม่ยอมจ่าย “เงินพิเศษ - เงินใต้โต๊ะ” ก็จะไม่ได้รับอนุมัติจากระบบ
เมื่อไม่สามารถต่ออายุใบอนุญาตได้ ก็จะมีการสะกิดให้เจ้าหน้าที่ผู้บังคับใช้กฎหมายเข้าไปตรวจค้น จับกุม สร้างความเดือดร้อน และกระทบกับธุรกิจอย่างมหันต์
หากใครไม่อยากเดือดร้อน ก็ต้องจ่ายเงินเพิ่มเติมจากที่เก็บปกติตามกฎหมาย และมีใบเสร็จอยู่แล้ว โดยต้องจ่ายเพิ่มอีกสำหรับแรงงานต่างด้าว คนละ 2,500 บาท
งานนี้ถ้าทำสำเร็จ ครอบคลุมแรงงานต่างด้าวทุกชาติตามตัวเลขที่บอกไป ยอดเงินใต้โต๊ะจะมโหฬารถึงราวๆ 6,000 ล้านบาท เรียกว่าใข้ในการเลือกตั้งได้สบายๆ
แต่ปรากฏว่า สถานะปัจจุบัน มีเพียงรัฐบาลกัมพูชาประเทศเดียวที่ตกลงยอมรับระบบการลงทะเบียนแบบใหม่นี้แล้ว และมียอดแรงงานลงทะเบียนต่อใบอนุญาตราวๆ 180,000 คน จึงมียอดเงินใต้โต๊ะ หรือหัวคิว ราวๆ 450 ล้านบาท
เส้นทางการเงินที่ตรวจพบ ซึ่งทั้งหมดเป็นเงินจากแรงงานกัมพูชา คือ
- เงินหัวคิวจะถูกโอนเข้า “บัญชีม้า”
- เงินจากบัญชีม้า ถูกโอนต่อไปยังเจ้าหน้าที่รัฐของกัมพูชา
**ปัจจุบัน DSI มีชื่อ และตำแหน่งหมดแล้ว โดยเจ้าหน้าที่รัฐ ตำแหน่งระดับกลางถึงสูง เทียบกับไทย ก็ระดับรอง ผอ. ถึงรองอธิบดี มีการโอนเงินต่อให้กัน จนถึงทีมงานของรัฐมนตรีกัมพูชา ยอดเงินรวมเท่าที่ตรวจพบในขณะนี้ ราวๆ 44-45 ล้านบาท /
ส่วนฝั่งไทย มีการโอนเงินจากฝั่งกัมพูชามายังผู้รับในประเทศไทย มีทั้งที่เป็นบุคคล และบริษัท คาดว่าเป็นการโอนบังหน้า และมีกระบวนการส่งต่อถึงเจ้าหน้าที่ระดับสูงในกระทรวงที่เกี่ยวข้อง และคนใกล้ชิดของฝ่ายการเมือง
ยอดเงินที่ตรวจพบแล้ว ราวๆ 57 ล้านบาท
รวมเม็ดเงินที่พบเส้นทางเงินและมีหลักฐานแล้วราวๆ 100 ล้านบาทเศษ
แหล่งข่าวระดับสูงจาก DSI เผยว่า ยอดเงินที่พบคิดเป็นแค่ 1 ใน 4 ของเงินหัวคิวก้อนใหญ่ที่เครือข่ายนี้ได้รับไปแล้ว คาดว่ามีการผ่องถ่ายให้กับบุคคลระดับสูงในหน่วยราชการ และอาจเชื่อมถึงคนการเมือง เรื่องนี้ถือว่าสร้างความเสียหายให้แรงงานต่างด้าวอย่างมาก และถือเป็นการหาช่องทุจริตเชิงนโยบาย จากการประกาศนโยบายของหน่วยงานรัฐเอง