svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

หัวคิวแรงงาน 400 ล้าน โยงถึงทีม "รมต.กัมพูชา-ฝั่งไทย"

หัวคิวแรงงาน 400 ล้าน โยงถึงทีม "รมต.กัมพูชา-ฝั่งไทย"หลัง DSI โอเปอเรชั่นใหญ่ ปฏิบัติการ บุกค้น และตรวจยึด "แก๊งบัญชีม้า"

6 กรกฎาคม 25698 ปฏิบัติการบุกค้น และตรวจยึด “แก๊งบัญชีม้า” เครือข่ายของขบวนการเรียกค่าหัวคิวต่อใบอนุญาตแรงงานต่างด้าว ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI เพิ่งเปิดโอเปอเรชั่นใหญ่ไปเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 3 กรกฎาคมที่ผ่านมานั้น

 

หัวคิวแรงงาน 400 ล้าน โยงถึงทีม \"รมต.กัมพูชา-ฝั่งไทย\"

 

หัวคิวแรงงาน 400 ล้าน โยงถึงทีม \"รมต.กัมพูชา-ฝั่งไทย\"

 

หัวคิวแรงงาน 400 ล้าน โยงถึงทีม \"รมต.กัมพูชา-ฝั่งไทย\"

“แก๊งบัญชีม้า” เป็นเพียงส่วนเสี้ยวเล็กๆ ของเครือข่ายนี้ เพราะข้อมูลจากการสืบสวนของ DSI ลงลึกไปถึงบุคคลในเครือข่ายทั้งหมด ซึ่งประกอบด้วย 

 

 

 - นักธุรกิจและคนใกล้ชิดนักการเมืองระดับ “รัฐมนตรี” ในกัมพูชา 
 - เจ้าหน้าที่รัฐกัมพูชา 
 - เจ้าหน้าที่รัฐฝั่งไทย (คงไม่ต้องบอกว่ากระทรวงไหน) 
 - บริษัทที่เปิดขึ้นมาบังหน้า 
 - ตัวเชื่อมกับคนของฝ่ายการเมือง 
 - หัวโจกใหญ่ ชื่อย่อ น. และ พ. 

 

 

หัวคิวแรงงาน 400 ล้าน โยงถึงทีม \"รมต.กัมพูชา-ฝั่งไทย\"

 

หัวคิวแรงงาน 400 ล้าน โยงถึงทีม \"รมต.กัมพูชา-ฝั่งไทย\"

 

 

 

แผนประทุษกรรมของเครือข่ายกินหัวคิวแรงงานต่างด้าวนี้ อาศัยช่องโหว่จากประกาศกระทรวงแรงงานที่ออกเมื่อ 26 พฤศจิกายน 2567 เพื่ออำนวยความสะดวกให้ต่อใบอนุญาตทำงานของคนต่างด้าว ในแบบออนไลน์ 

 

โดยมีจำนวนแรงงานต่างด้าวกลุ่มเป้าหมายทั้่งหมด ซึ่งขึ้นทะเบียนถูกต้อง จำนวน 2,398,218 คน แบ่งตามสัญชาติ คือ 

 

 - เมียนมา 2,012,856 คน
 - กัมพูชา 287,557 คน
 - ลาว 94,132 คน
 - เวียดนาม 3,673 คน

 

 

หัวคิวแรงงาน 400 ล้าน โยงถึงทีม \"รมต.กัมพูชา-ฝั่งไทย\"

 

 

 

กลไกการทุจริต เริ่มจาก อาศัยช่องว่างจากประกาศกระทรวงแรงงาน ลงวันที่ 26 พฤศจิกายน 2567 ที่กำหนดให้แรงงานต้องได้รับการรับรองจาก “สถานทูต และ AGENCY” ก่อนต่อใบอนุญาต

 

จากเงื่อนไขดังกล่าว เปิดช่องให้มีการเรียกรับผลประโยชน์ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผลก็คือ หากแรงงาน หรือนายจ้าง ไม่ยอมจ่าย “เงินพิเศษ - เงินใต้โต๊ะ” ก็จะไม่ได้รับอนุมัติจากระบบ

 

เมื่อไม่สามารถต่ออายุใบอนุญาตได้ ก็จะมีการสะกิดให้เจ้าหน้าที่ผู้บังคับใช้กฎหมายเข้าไปตรวจค้น จับกุม สร้างความเดือดร้อน และกระทบกับธุรกิจอย่างมหันต์ 

 

หากใครไม่อยากเดือดร้อน ก็ต้องจ่ายเงินเพิ่มเติมจากที่เก็บปกติตามกฎหมาย และมีใบเสร็จอยู่แล้ว โดยต้องจ่ายเพิ่มอีกสำหรับแรงงานต่างด้าว คนละ 2,500 บาท 

งานนี้ถ้าทำสำเร็จ ครอบคลุมแรงงานต่างด้าวทุกชาติตามตัวเลขที่บอกไป ยอดเงินใต้โต๊ะจะมโหฬารถึงราวๆ 6,000 ล้านบาท เรียกว่าใข้ในการเลือกตั้งได้สบายๆ 

 

 

แต่ปรากฏว่า สถานะปัจจุบัน มีเพียงรัฐบาลกัมพูชาประเทศเดียวที่ตกลงยอมรับระบบการลงทะเบียนแบบใหม่นี้แล้ว และมียอดแรงงานลงทะเบียนต่อใบอนุญาตราวๆ 180,000 คน จึงมียอดเงินใต้โต๊ะ หรือหัวคิว ราวๆ 450 ล้านบาท 

 

 

เส้นทางการเงินที่ตรวจพบ ซึ่งทั้งหมดเป็นเงินจากแรงงานกัมพูชา คือ 

 

 - เงินหัวคิวจะถูกโอนเข้า “บัญชีม้า” 
 - เงินจากบัญชีม้า ถูกโอนต่อไปยังเจ้าหน้าที่รัฐของกัมพูชา 

 

**ปัจจุบัน DSI มีชื่อ และตำแหน่งหมดแล้ว โดยเจ้าหน้าที่รัฐ ตำแหน่งระดับกลางถึงสูง เทียบกับไทย ก็ระดับรอง ผอ. ถึงรองอธิบดี มีการโอนเงินต่อให้กัน จนถึงทีมงานของรัฐมนตรีกัมพูชา ยอดเงินรวมเท่าที่ตรวจพบในขณะนี้ ราวๆ 44-45 ล้านบาท /

 

ส่วนฝั่งไทย มีการโอนเงินจากฝั่งกัมพูชามายังผู้รับในประเทศไทย มีทั้งที่เป็นบุคคล และบริษัท คาดว่าเป็นการโอนบังหน้า และมีกระบวนการส่งต่อถึงเจ้าหน้าที่ระดับสูงในกระทรวงที่เกี่ยวข้อง และคนใกล้ชิดของฝ่ายการเมือง 

 

 

ยอดเงินที่ตรวจพบแล้ว ราวๆ 57 ล้านบาท 

รวมเม็ดเงินที่พบเส้นทางเงินและมีหลักฐานแล้วราวๆ 100 ล้านบาทเศษ

 

แหล่งข่าวระดับสูงจาก DSI เผยว่า ยอดเงินที่พบคิดเป็นแค่ 1 ใน 4 ของเงินหัวคิวก้อนใหญ่ที่เครือข่ายนี้ได้รับไปแล้ว คาดว่ามีการผ่องถ่ายให้กับบุคคลระดับสูงในหน่วยราชการ และอาจเชื่อมถึงคนการเมือง เรื่องนี้ถือว่าสร้างความเสียหายให้แรงงานต่างด้าวอย่างมาก และถือเป็นการหาช่องทุจริตเชิงนโยบาย จากการประกาศนโยบายของหน่วยงานรัฐเอง