23 มิถุนายน 2568 พลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ชี้แจงเพิ่มเติมกรณีที่โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา กล่าวถึงเหตุการณ์คณะนักปั่นจักรยานชาวไทย เข้าเยี่ยมชมปราสาทตาเมือนธม ว่า
1. เรื่องอธิปไตยในพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม ฝ่ายไทย ขอยืนยันอย่างชัดเจนว่า ฝ่ายไทยใช้อำนาจอธิปไตยเหนือพื้นที่ปราสาทตาเมือนธมมาโดยตลอด ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่ยึดโยงกับหลักฐานภูมิศาสตร์และการบริหารพื้นที่โดยหน่วยงานราชการไทยอย่างต่อเนื่อง
2. ข้อกล่าวหาเรื่องการละเมิดข้อตกลงและการเผยแพร่ข้อมูลเท็จ กองทัพบก ขอยืนยันว่า ฝ่ายไทยเคารพต่อข้อตกลงและแนวทางความร่วมมือที่มีมาโดยต่อเนื่อง ที่ผ่านมามีข้อขัดแย้งในระดับพื้นที่ มักได้รับการแก้ไขผ่านกลไกหารือร่วมกันในพื้นที่อย่างสร้างสรรค์ ส่งผลให้หลายปัญหาคลี่คลายด้วยดี แต่ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา กลับพบว่าฝ่ายกัมพูชามีท่าทีลดความร่วมมืออย่างมีนัยสำคัญ แต่ฝ่ายไทยยังคงมุ่งมั่นที่จะใช้แนวทางสร้างสรรค์
3. ฝ่ายกัมพูชาปฏิเสธว่าไม่ได้รับการแจ้งใดๆ จากฝ่ายไทย ก่อนนำคณะนักปั่นเข้าพื้นที่ ทั้งทางวาจาหรือทางราชการนั้น กองทัพบก ขอยืนยันว่า ฝ่ายไทยได้มีการแจ้งข้อมูลต่อชุดประสานงานของฝ่ายกัมพูชา ที่ปฏิบัติหน้าที่ร่วมกันในพื้นที่แล้วล่วงหน้า
ทั้งนี้ การเยี่ยมชมปราสาทตาเมือนธมของคนไทย สามารถเที่ยวชมโดยเสรี ไม่กำหนดเวลา ส่วนข้อตกลงเรื่องเวลาและเงื่อนไขในการเข้าเยี่ยมชมปราสาท มีเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชาเท่านั้น ซึ่งฝ่ายไทยได้อนุโลมให้ขึ้นมาท่องเที่ยวได้ในช่วงเวลา 09.00 –15.00 น. พร้อมกันนั้น ทั้งสองฝ่ายยังตกลงร่วมกันให้จัดเจ้าหน้าที่มาอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวฝ่ายละไม่เกิน 5 คน
4. ฝ่ายกัมพูชากล่าวหาว่าโฆษกกองทัพบกไทย ให้ข้อมูลที่ไม่เหมาะสม โดยเฉพาะการกล่าวถึงปัญหาบางส่วน ที่อาจมีต้นตอมาจากความสัมพันธ์ภายในของกองทัพกัมพูชาเองนั้น กองทัพบก ขอยืนยันว่า การสื่อสารเพื่อให้สังคมได้รับทราบต่อเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น เป็นไปตามข้อมูล ข้อเท็จจริง และหลักฐานที่มีที่ปรากฏ และไม่ได้มีการปกปิด หรือหาเหตุที่จะใช้เพื่อเบี่ยงเบนความผิดพลาด ในเรื่องมีการละเมิดข้อตกลงระหว่างกัน อย่างที่มีการกล่าวอ้าง
โฆษกกองทัพบก ยังกล่าวอีกว่า กองทัพบกจะปฏิบัติหน้าที่ในการปกป้องอธิปไตยของไทยอย่างดีที่สุด ภายใต้กรอบรัฐธรรมนูญ และตามกลไกของรัฐบาล พร้อมทั้งยึดหลักการแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธี ใช้กลไกความร่วมมือ และเคารพกติกาสากลอย่างเคร่งครัด เพื่อรักษาเสถียรภาพ และสันติภาพตามแนวชายแดนร่วมกันอย่างยั่งยืน