svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

นายกฯแจงคลิปเสียงหลุดคุย “ฮุน เซน” จริง ซัดสร้างคะแนนนิยม

นายกฯแพทองธาร รับคลิปเสียงหลุดคุย “ฮุน เซน” ของจริง ซัดปล่อยเพื่อสร้างคะแนนนิยม ชี้แจงปมพาดพิงแม่ทัพภาค 2 เป็นเทคนิคเจรจาต่อรอง คนไทยอย่าหลงกลถูกปั่นให้ตีกันเอง

18 มิถุนายน 2568 นางสาวแพทองธาร​ ชินวัตร​ นายกรัฐมนตรี ชี้แจงกรณีที่มีคลิปเสียงหลุด โดยเป็นเสียงสนทนาทางโทรศัพท์ ​ระหว่างสมเด็จฮุน​ เซน​ ประธานพฤฒสภากัมพูชา​ กับนายกฯแพทองธาร โดยนายกฯแพทองธาร ยอมรับว่าเป็นคลิปเสียงจริง​ที่ได้มีการพูดคุยกัน ประมาณสัปดาห์ที่ผ่านมา

 

ตนทราบข้อมูลมาจากคนที่เป็นล่ามแปลภาษา ว่าทางกัมพูชา โดยเฉพาะสมเด็จฮุน​ เซน โกรธแม่ทัพภาค 2 ซึ่งตนก็เข้าใจและชี้แจงว่า หลังจากการปะทะกัน ระหว่างไทยและกัมพูชาถือว่าเป็นฝ่ายตรงข้ามกัน ก็มองการที่แม่ทัพภาค 2 พูดแบบนั้นขออย่าถือสา​ และพยายามทำความเข้าใจ ซึ่งถือเป็นเทคนิคการพูด เพื่อไม่ให้โกรธมากกว่านี้

 

การสนทนาในครั้งนี้เป็นการสนทนาแบบส่วนตัว และเป็นการคุยโทรศัพท์ มองว่าไม่ควรนำมาเปิดเผย ถึงเทคนิคในการพูดคุยเจรจาต่อรอง ซึ่งตนมีจุดมุ่งหมาย ในการที่จะรักษาไว้ซึ่งความสงบของบ้านเมือง และรักษาอธิปไตย เพื่อประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติและประชาชน จึงพูดคุยออกมาในลักษณะดังกล่าว ซึ่งการพูดคุยกันส่วนตัว มีการเรียกลุงเรียกอากันเป็นปกติ เหมือนคณะรัฐมนตรี ที่ทำงานร่วมกันมาตั้งแต่สมัยนายทักษิณ​ ชินวัตร​ เป็นนายกรัฐมนตรี​

นายกรัฐมนตรี​ ยังกล่าวอีกว่า​ ระหว่างที่พูดคุยกัน ทางกัมพูชาขอให้ไทยเปิดด่าน ซึ่งตนก็รับปาก และตกลงว่าจะมีการเปิดด่านพร้อมกัน เพื่อแสดงจุดยืนถึงความสันติภาพ แต่ทางกัมพูชาไม่ยอม ตนจึงบอกว่าไทยยอมแล้ว​ ไม่ได้จะต่อสู้ เพื่อแสดงให้เห็นว่า เราไม่ได้ทำอะไร ทำไมจึงต้องมีการต่อรองให้ไทยเปิดก่อน แล้วเขารอ 5 ชั่วโมง จึงจะเปิดตาม

 

ซึ่งทางฮุนเซนกล่าวว่า เขาเป็นลูกผู้ชาย​ คำไหนคำนั้นอยู่แล้ว คนจึงขออนุญาตปรึกษากับทางกระทรวงกลาโหมก่อน เนื่องจากมีการประชุมหน่วยงานด้านความมั่นคงที่บ้านพิษณุโลก แต่การประชุมยังไม่เสร็จสิ้น ก็มีการโพสต์เฟซบุ๊ก​ ออกมาโพสต์​ว่าหากไทยไม่ยกเลิกมาตรการเปิดปิดด่านทางกัมพูชาจะปิด ด่านทั้งหมด จึงเกิดคำถามว่า ทำไมไม่เหมือนที่คุยกัน ทั้งที่ตนพยายามที่จะพูดด้วยความใจเย็น เพราะอยากทราบจริงๆว่าเขาต้องการอะไร หรือมีอะไรบ้างที่เราต้องทำเพิ่มเติมให้

 

หรือจะคุยกันอย่างไรดีให้เกิดการต่อรอง และสันติภาพไม่เกิดการเสียเลือดเสียเนื้อ ซึ่งนี่คือความตั้งใจ​ ซึ่งตลอดการสนทนา สมเด็จฮุนเซน​ พยายามย้ำเรื่องการเปิดด่านเพียงเรื่องเดียว แต่ตนไม่กล้ารับปาก เพราะไม่แน่ใจว่า กองทัพมีความพร้อมหรือไม่

แพทองธาร ชินวัตร

 

"แต่ตอนนี้ชัดเจนแล้วค่ะ ว่าความต้องการของท่านจริงๆแล้ว​ คือต้องการคะแนนนิยมในประเทศของท่านเอง โดยไม่สนใจว่าจะเกิดความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอย่างไร การที่ต้องการเป็นที่นิยมในประเทศของท่าน ท่านเคยบอกดิฉันว่าคะแนนนิยมเริ่มตก ก็อาจจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้อยากจะเรียกพลังตรงนี้ ซึ่งดิฉันก็หวังว่าท่านจะได้คะแนนนิยมเพิ่ม และอยู่ในสายตาของโลก พี่จับตามองอยู่ว่า เมื่อผู้นำ 2 ท่านคุยกัน ในส่วนตัว แต่มีการอัดคลิป และปล่อยออกมาแบบนี้ ซึ่งแน่นอนว่าดิฉันไม่ได้ปล่อย ก็ตามนั้น และจะได้เข้าใจจุดประสงค์ว่า จริงๆเราตั้งใจเจรจาให้เกิดสันติภาพ ก็ไม่ทราบว่าจะเป็นหนึ่งในการ ทำให้คะแนนนิยมของท่านดีขึ้น ก็ไม่เป็นไรตามนั้น"

 

ส่วนที่มีการบอกว่าแม่ทัพภาค 2 เป็นฝั่งตรงข้าม นายกรัฐมนตรี​ ชี้แจงว่า ไม่ได้หมายถึงพวกเรา แต่หมายความว่าไทยกับกัมพูชา เมื่อเป็นฝั่งตรงข้ามกัน ก็ต้องพูดถึงกันไม่ดีอยู่แล้ว และพยายามจะทำความเข้าใจว่า สิ่งที่แม่ทัพภาค 2 พูด คือการพูดไปแบบนั้น

 

ส่วนที่สมเด็จฮุน​ เซนระบุว่า จะมีการปล่อยคลิปเสียงเต็มออกมา บอกว่าจะมีปัญหาอะไรตามมาหรือไม่ เพราะเหมือนเป็นการยุยงให้ประเทศรบกันเอง นายกรัฐมนตรี​ กล่าวว่า ก็เป็นสิ่งที่ไม่อยากให้คนไทยไปหลงกลตรงนี้ ไม่ได้แสดงว่าเราทะเลาะกัน แต่ประโยคที่ตนพูด เพื่อทำความเข้าใจ และรับทราบความต้องการของเขา ว่าอะไรจะทำให้ประเทศชาติสงบสุข และเรื่องการปะทะจบลงสักที เพราะนายกรัฐมนตรีกัมพูชาพยายามจะพูดแค่เรื่อง การเปิดด่าน ซึ่งตนก็ฟังไม่ค่อยทัน เพราะมีล่ามแปลไปด้วย รวมไปถึงประโยคที่บอกว่าไม่เปิด เพราะทหารโกหก พอได้ข้อมูลมาปนก็ไม่แน่ใจ เพราะไม่ได้เป็นคนที่อยู่ตรงนั้น จึงแจ้งให้ทราบว่า วันพรุ่งนี้จะมีการประชุม จึงขอปรึกษาทางกองทัพก่อน

 

ส่วนหลังจากนี้จะสามารถพูดคุยกันต่อได้หรือไม่ นายกรัฐมนตรี​ หัวเราะ พร้อมกล่าวว่า​ ไม่ทราบ​

 

ส่วนคำว่าสันติเจรจาจะยังใช้ได้ กับกัมพูชา อยู่หรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ความจริงแล้ว คนไม่ใช่คนที่ไปท้าตีท้าต่อยอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นก็คงไม่มีการพูดคุย

 

ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลฮุน​ กับตระกูลชินวัตร​ ถือว่าจบลงแล้วใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรีหัวเราะ ก่อนกล่าวตอบว่าไม่ทราบ ว่าจะเป็นอย่างไร แต่ไม่ขอคุยส่วนตัวแล้ว เพราะจะมีปัญหาเรื่องของความไว้ใจ

 

ส่วนจะต้องทำความเข้าใจกับแม่ทัพภาค 2 หรือไม่เนื่องจากประโยคสนทนาของนายกรัฐมนตรี ทำให้เกิดความเข้าใจว่าเป็นคนละฝ่ายกับกองทัพ​ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า หากตนเป็นฝ่ายตรงข้ามกับกองทัพจริง​ ทำไมจึงต้องแจ้งว่าขอรอกองทัพพิจารณาก่อน​ พร้อมอธิบายต่อว่า วันแรกที่ตนได้รับฟังเรื่อง คือฝั่งกัมพูชา โกรธ มีการสุ่มมาเรื่อยๆ จึงกังวลว่าปัญหาจะมากขึ้นหรือไม่ ตนจึงพยายามทำความเข้าใจว่าไม่มีอะไรหรอก เวลาคนที่เป็นฝ่ายตรงข้ามพูดถึงกันก็เป็นแบบนี้ พยายามสื่อสารว่าไม่มีอะไรจริงจัง เพื่อให้เกิดความรู้สึกว่า หากเขายอมเรื่องนี้​ ไทยจะยอมเรื่องนี้ แต่กลับกลายเป็นว่า เมื่อคุยเรื่องการเปิดด่านและมีอาวุธจึงต้องจำกัดเวลา

 

อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี​ กล่าวว่า ประโยคสนทนาแบบนี้ ไม่ควรจะออกมาแบบนี้ ยิ่งเป็นผู้นำ ระดับประเทศ ระหว่างนายกรัฐมนตรีกับอดีตนายกรัฐมนตรี ที่เป็นนายกรัฐมนตรีตั้งแต่อายุ 32​ ปี​ และเป็นพ่อของนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน การนำออกมาเผยแพร่ก็เป็นแบบนั้น

 

ทั้งนี้ระหว่างที่นายกรัฐมนตรี​ แถลงชี้แจงกรณีดังกล่าว นายอนุทินชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย​ ได้เดินเข้าวงการแถลงข่าวในช่วงหลัง​ด้วยสีหน้าบึ้งตึง​ และไม่มีการพูดคุยกันหลังการแถลงข่าวเสร็จสิ้น