16 มิถุนายน 2568 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นทางการเมือง ในฐานะ สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ถึงความขัดแย้งภายในพรรคด้วยว่า ความขัดแย้งในพรรครวมไทยสร้างชาตินั้น
ต้องยอมรับว่าภายในระยะเวลาร่วมๆเดือนเป็นไปตามภาพเลยว่า “มันแตกออกมาแล้ว มันแยกกันอยู่แล้ว“
ทั้งหมดทั้งมวลนี้คงไม่สามารถคิดไปถึงการปรับ ครม. ได้ คิดว่า ณ ปัจจุบันเราทำอะไร เราอยู่ตรงส่วนไหนมากกว่า
นายสุชาติ กล่าวต่อว่า ตอนนี้สัดส่วนของตนชัดเจนว่า อยู่ในไลน์กลุ่มด้วยกัน กินข้าวด้วยกัน และเป็นสัญญาใจด้วยกัน 18 คน
ส่วนเรื่องการปรับ ครม.
นายสุชาติ ขอย้ำว่า เป็นอำนาจและดุลยพินิจของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ตนเองต้องให้ความเคารพ และไม่อาจไปก้าวล่วงได้ และต้องยอมรับว่าท่านายกฯ เป็นผู้นำรัฐบาล เราเองเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา ส่วนนี้เราไม่สามารถก้าวล่วงได้
ส่วนที่กระแสข่าวว่าจะมีการปรับนายสุชาติ ไปนั่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมนั้น
นายสุชาติ กล่าวว่า เราไม่ได้ไปคิดในส่วนนั้นเพราะรู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ที่นายกรัฐมนตรี เราไม่สามารถแต่งตั้งตัวเราเอง
เมื่อถามว่าหากได้ปรับไปนั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสหากรรมจริงๆมองอย่างไรบ้าง
นายสุชาติ กล่าวว่า ตนผ่านอะไรที่ยากลำบากมานานมาก ตั้งแต่ช่วงโควิด-19 ตนไม่อยากบอกว่า ใครทำได้หรือใครทำไม่ได้ ต้องดูในสถานการณ์ที่เกิดวิกฤติของโลก ไม่ใช่ของประเทศ แล้วดูว่าใครอยู่ตรงนั้นและใครทำอะไร
เชื่อว่าสมัยที่ทำงานในช่วงสถานการณ์โควิด-19 (รมว.แรงงาน) ซึ่งรุนแรงมากทั่วโลกในห้วงเวลา 3-4 ปี ตนยืนต่อสู้และรักษาการจ้างงาน รักษาคุณภาพชีวิตของพี่น้อง ผู้ใช้แรงงานมาอย่างยาวนานมาก การที่บอกว่าใครทำอะไรไม่ทำอะไร ต้องย้อนกลับไปดูในวันที่เขาเป็น
เมื่อถามว่าสัดส่วนที่มีอยู่ 18 คน คิดว่าจะได้ตำแหน่งรัฐมนตรีเลยหรือไม่
นายสุชาติ ย้ำว่า ส่วนนี้เราไม่ได้ไปคิด แต่เราคิดตามที่ นายธนกร วังบุญคงชนะ รองหัวหน้าพรรค และ สส.บัญชีรายชื่อพรรครวมไทยสร้างชาติ พูดว่า
“เราอยู่แล้วเราไม่สบายใจ เราก็ขอแยกออกมาดีกว่า” ในส่วนนี้เราไม่ได้คิดว่าเราแยกมาเพื่อเอาส่วนไหน แต่เราคิดว่าถ้าอยู่ด้วยกันไม่ได้ก็ปล่อยเราออกมา
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ณ ตอนนี้ ถึงขึ้นต้องวอนให้พรรคขับออกเลยหรือไม่
นายสุชาติ กล่าวว่า ขอไปนานหลายรอบแล้ว ตอนนี้มองว่าคงไม่พูดอะไรแล้ว เพราะต่างคนต่างพูดคนละที มันเป็นเรื่องภายในบ้าน เป็นเรื่องของพรรคเราไม่อยากพูดเพราะไม่ใช่เรื่อง ความเดือนร้อนของประชาชน เราควรที่จะแก้ปัญหากันเองภายในบ้าน
ส่วนประเด็นรวมเสียงปลดหัวหน้าพรรคนั้น
นายสุชาติ ชี้แจงว่า เราพูดไปเหมือนมันพูดกันคนละที แต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราพูดไปเราพูดจริงทั้งนั้น แต่พอพูดไปก็มีคนอื่นพูดอีกอย่างนึง ดังนั้นมองว่ามันไม่ควรที่จะมาพูดกันแล้ว ใครทำอะไรรู้อยู่แก่ใจ เราลูกผู้ชายด้วยกัน
เมื่อถามต่อว่าหากประเมินสถานการณ์ตอนนี้ความขัดแย้งภายในพรรครวมไทยสร้างชาติจะกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาลหรือไม่นั้น
นายสุชาติ ระบุว่า ”พวกผม 18 คน แสดงเจตจำนงอยู่แล้วว่าเราสนับสนุนรัฐบาล“