
12 มิถุนายน 2568 “คดีฮั้ว สว.” เริ่มเงียบไป ไม่ค่อยมีความเคลื่อนไหวอะไรผ่านสื่อมากนัก นอกเหนือจากข่าวการออก “หมายเรียก” หรือ “หนังสือแจ้งข้อกล่าวหา” จากคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนฯ ของ กกต. ไปยังผู้ถูกกล่าวหา ซึ่งล่าสุดอยู่ที่ “ล็อต 6” เป็นคนของฝ่ายการเมืองล้วนๆ ไม่ใช่ สว.
โดยความเคลื่อนไหวมีเฉพาะการออกหมายเรียกให้เข้ารับทราบข้อกล่าวหา แต่ในแง่ของการสรุปสำนวน และส่งสำนวนไปยังเลขาธิการ กกต. ตลอดจนคณะอนุกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดฯ กลับยังเงียบสนิท เหมือนไม่มีความคืบหน้าใดๆ
เอกสารสรุปความคืบหน้าการพิจารณาสำนวนร้องคัดค้านการเลือก สว. ที่ กกต.เผยแพร่ในวันนี้ ก็ไม่มีความชัดเจน โดยเฉพาะตัวเลข “ดำเนินคดีอาญา 10 สำนวน” และ “ยื่นคำร้องต่อศาล 13 สำนวน” ไม่ชัดว่าเป็นข้อกล่าวหา “ฮั้ว สว.” หรือไม่
เช่นเดียวกับตัวเลข “จำนวนเรื่องอยู่ระหว่างดำเนินการ 155 เรื่อง” ก็ไม่มีความชัดเจนว่าเป็น “คำร้องฮั้ว สว.” ด้วยหรือเปล่า โดยเฉพาะเรื่องที่อยู่ระหว่างการสืบสวน ไต่สวน 11 เรื่อง และเรื่องที่กระจายอยู่ในขั้นตอนต่างๆ อีกหลายขั้นตอน
แต่ข่าวที่ดังกว่า ชัดเจนกว่า และวันนี้ สว.สำรอง ก็ออกมาแฉอีกรอบ ก็คือการพยายามดึงเกม ดึงเวลา ยื้อสำนวน “ฮั้ว สว.” ให้ยาวนานที่สุด และล้มข้อกล่าวหา หรือตีตกบางส่วน หากสามารถทำได้
รายการ “ข่าวข้นคนข่าว” ตรวจสอบเรื่องนี้จากภายในสำนักงาน กกต. พบว่า มีข่าวเกี่ยวกับการ “ดึงเกม” คดีฮั้ว สว.จริง โดยมี 3 แนวทางที่เชื่้อว่ากำลังดำเนินการกันอยู่
1.ดึงเกมผ่านการทำงานของ “6 เสือ กกต.” ที่เหลืออยู่
กล่าวคือ เมื่อสำนวนคดีฮั้ว สว.ถูกชงไปถึง “บอร์ด 6 เสือ” ทั้ง 6 คน จะพิจารณาและลงมติ หากชี้มูลความผิด หรือเห็นว่าข้อกล่าวหาควรเชื่อได้ว่ามีการกระทำผิด ก็จะส่งสำนวนไปยังศาลฎีกา เพื่อแจกใบแดง เมื่อศาลฎีการับสำนวน สว.ที่ถูกกล่าวหาต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ทันที
แต่ปัญหาคือ ปัจจุบัน กกต.เหลือปฏิบัติหน้าที่ได้ 6 คน จาก 7 คน โดย กกต.คนที่ 7 คือ คุณปกรณ์ มหรรณพ หมดวาระไปแล้ว เพราะอายุครบ 70 ปี จึงไม่ได้อยู่รักษาการ หรือทำหน้าที่ต่อจนกว่าจะได้ กกต.คนใหม่มาแทน
ส่วน กกต.ที่เหลือ 6 คนประกอบด้วย
ที่น่าสนใจคือ กกต. 4 คน จาก 6 คน จะหมดวาระในปลายปีนี้ แบ่งเป็น 2 คนแรก หมดวาระเดือนสิงหาคม และอีก 2 คนถัดมาจะหมดวาระเดือนธันวาคม 2568 หากมีการดึงเวลาการวินิจฉัยชี้มูลไปถึงช่วงนั้น จะมีปัญหาในการลงมติหรือไม่ และจะเป็นข้อต่อสู้ โต้แย้งของบรรดา สว.ที่ถูกกล่าวหาหรือเปล่า
ที่สำคัญหากสำนวนคดีฮั้ว สว.ถูกดึงไปถึงสิ้นปี จะมี กกต.หมดวาระถึง 4 คน ในจำนวนนี้หากมี กกต.รักษาการ 2 คนตัดสินใจลาออก อาจจะอ้างปัญหาสุขภาพ จะเกิดปัญหาว่า กกต.ที่เหลือแค่ 4 คน ยังสามารถทำหน้าที่ต่อไปได้หรือไม่ (เพราะเสียงเกินกึ่งหนึ่ง 4 จาก 7 เสียง ต้องใช้มติเอกฉันท์เท่านั้น)
ขณะเดียวกัน ก็มีข่าวจากทาง สว.สีน้ำเงินว่า เมื่อ กกต.หมดวาระ ก็ไม่มีความจำเป็นต้องเร่งรีบคัดเลือก กกต.คนใหม่ไปทดแทนคนเก่า เพราะไม่ส่งผลดีกับสำนวนคดีฮั้ว สว.
2.มีกระแสกดดันให้ประธาน กกต. คุณอิทธิพร บุญประคอง ลาออกจากตำแหน่ง เพราะเมื่อไม่มีประธาน กกต. จะต้องเสียเวลารอการคัดเลือกประธานคนใหม่ อีกระยะหนึ่ง
3.การส่งหนังสือแจ้งข้อหา สส. และรัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทย ว่าเกี่ยวข้องกับขบวนการฮั้ว สว. หากมีการชี้มูลความผิดในชั้นของบอร์ด 6 เสือ กกต.ต้องส่งสำนวนต่อไปยังคณะกรรมการ ป.ป.ช.หรือไม่ เพราะคนเหล่านี้ไม่ได้มีสถานะเป็น สว. จึงไม่สามารถส่งศาลฎีกาไปพิจารณาแจกใบแดงได้ โดยฐานความผิดน่าจะเป็นตัวการร่วม หรือผู้สนับสนุน
เรื่องนี้หากสำนวนถูกส่งไป ป.ป.ช. กระบวนการน่าจะยิ่งเนิ่นนาน ถึงขั้น สว.ชุดนี้อาจหมดวาระไปก่อนที่คดีจะเดินหน้าก็เป็นได้