11 มิถุนายน 2568 ที่ ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน (บน.6) เมื่อเวลา 8:45 น. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ทางกัมพูชาตั้งคณะกรรมการจัดทำเอกสารเพื่อยื่นฟ้องต่อศาลโลก เกี่ยวกับข้อพิพาทชายแดนไทย -กัมพูชา 4 พื้นที่ ได้แก่ ช่องบก, ปราสาทตาเมือนธม, ปราสาทตาเมือนโต๊ด และปราสาทตาควาย ว่า ไม่เป็นไร ต่างคนต่างทำหน้าที่ การจะฟ้องศาลโลกเป็นหน้าที่ของกัมพูชา ส่วนไทยเราก็มีมติไม่รับอำนาจขอบเขตศาลโลก ตั้งแต่สมัยรัฐบาล นายกฯเศรษฐา ทวีสิน ทุกอย่างให้ว่ากันไปตามกระบวนการ
เมื่อถามว่า ดูเหมือนปัญหายังมีหลายจุด พูดคุยไม่จบ จะมีปัญหาในการประชุม JBC หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวยอมรับว่าปัญหาคงไม่จบเสียทีเดียว ต้องใช้เวลาพูดคุยกันในส่วนที่เห็นไม่ตรงกัน แต่ในเวทีเจบีซี ที่เราได้พูด เราได้พูดชัดเจนแล้วว่า จะพูดเฉพาะในกรณีที่เป็นปัญหาต้องเคลียร์กันเป็นส่วน ๆไป และคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะเป็นข้อตกลงร่วมกัน
เมื่อถามว่า จากท่าทีของกัมพูชาในตอนนี้ทำให้เราต้องคงมาตรการเปิดปิดด่านไปอีกนานเท่าไร นายภูมิธรรม กล่าวว่า จากการสั่งการซึ่งผู้บัญชาการทหารบกและแม่ทัพภาค 2 รับทราบตรงกันว่า เราจะยังคงดำเนินการตามมาตรการของแต่ละพื้นที่ ขณะนี้ เรายังไม่ได้ยกระดับมาตรการ และย้ำว่าเราไม่ได้ปิดด่าน แต่เปิดปิดตามเวลาและจำกัดคน ส่วนที่มีการเผชิญหน้า เราก็ได้มีการปรับกำลัง
ขณะที่ พื้นที่อื่นยังคงมาตรการเดิมไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่เชื่อว่าสถานการณ์จะค่อยๆดีขึ้น เพราะเราได้ให้ทหารทั้งสองฝ่ายได้มีการพูดคุยกันในพื้นที่มากขึ้น อีกทั้งมีข้อเสนอให้จัดกิจกรรมร่วมกัน ลาดตระเวนด้วยการคิดว่าบรรยากาศโดยรวมน่าจะดีขึ้น
เมื่อถามว่า กรณีที่ "กัมพูชา" จะนำเรื่องร้องต่อศาลโลกจะเข้าข่ายลักษณะเดียวกับกรณี "ปราสาทพระวิหาร" ก่อนหน้านี้หรือไม่ ฝ่ายความมั่นคงได้มีการวิเคราะห์ผลกระทบอย่างไร นายภูมิธรรมิ กล่าวว่า เขาเป็นพระวิหารเป็นอีกเรื่องไม่เกี่ยวกับกรณีนี้ แต่อาจจะเป็นบทเรียนบางส่วนได้ ซึ่งเราจะไม่นำเรื่องนั้นมาพูดถึง แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้
ส่วนข้อเสนอของ มูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน ที่อยากให้เปลี่ยนหัวหน้าคณะเจรจาพูดคุยกับทางกัมพูชา เนื่องจากเป็นคนเดียวกับที่คุยสมัยเขาพระวิหารนั้น : นายภูมิธรรม กล่าวว่า คนที่อยู่กับปัญหา และอยู่กับพื้นที่น่าจะรู้ดีที่สุด ว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นอย่างไร ก็ต้องให้ส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งหมดพิจารณา รัฐบาลจะรับฟังข้อเท็จจริงและเหตุผล เรื่องนี้ไม่ใช่ว่าพอใจ หรือว่าใครชอบใคร ใครอยากได้ใคร เป็นเรื่องที่ว่าประเทศชาติมีปัญหาอยู่ตรงไหน ขอให้นึกถึงผลประโยชน์ตรงนี้เยอะๆ
เมื่อถามว่า การที่ "กัมพูชา" ฟ้องศาลฝ่ายเดียวจะมีผลอะไรกับไทยหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรื่องนี้พูดยาก คนฟ้องก็ฟ้องไป คนที่ไม่ยอมรับก็ไม่ไปเข้าสู่กระบวนการ แต่หากมีเงื่อนไขอื่น ก็เป็นเงื่อนไขทางกฎหมาย แต่ไม่อยากจะพูดตรงนี้ เรื่องของกฎหมายให้กรม สนธิสัญญาต่างประเทศเป็นฝ่ายพูดจะดีกว่า แต่เราได้เตรียมความพร้อมและแนวทางในเรื่องนี้ไว้แล้ว เพราะประเทศวิกฤต แบบนี้ไม่เตรียมได้อย่างไร ส่วนจะเตรียมไว้อย่างไรขอให้ฟังการชี้แจงเป็นระยะ