
4 มิถุนายน 2568 ปมร้อนสถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชา ที่ก่อนหน้านี้มีการปะทะกันที่ "ช่องบก" ซึ่งขณะรัฐบาลได้ออกมายืนยันว่า มีความพร้อมแต่เลือกที่จะใช้จบปัญหาแบบสันติวิธีก่อน อย่างไรก็ตามทางฝั่งกัมพูชาเอง ก็มีการออกมาระบุว่า จะนำเรื่องนี้เข้าสู่ศาลโลก
ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าววานนี้ (3 มิ.ย.) ศ.กิตติคุณ ดร.สุรชาติ บำรุงสุข อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้มีการอ่านสถานการณ์ชายแดนไทย - กัมพูชา จากชนวนวิกฤตการณ์ช่องบก จ.อุบลราชธานี กับทิศทางผลลัพธ์ 4 แบบด้วยกัน
>>>ดร.สุรชาติ บำรุงสุข วิเคราะห์ วิกฤตการณ์ช่องบก กับผลลัพธ์ 4 แบบ
วันนี้ NationTV จะพาไปดู “ฉากทัศน์ของสถานการณ์” ที่ประเมินโดยฝ่ายความมั่นคงกันบ้าง แบ่งเป็น 5 ฉากทัศน์ พร้อมวิเคราะห์ระดับความเป็นไปได้ของแต่ละฉากทัศน์
ความเป็นไปได้ : 20-40%
ผลกระทบ : เป็นบวก 80%
รายละเอียด : กัมพูชายอมถอนกำลังออกไป เลิกอ้างสิทธิ์เหนือดินแดนช่องบก ฯลฯ เป็นไปได้น้อยที่สุด
ความเป็นไปได้ : 60-80%
ผลกระทบ : 50-50
รายละเอียด : มีความเป็นไปได้สูงมาก ต่างคนต่างถอย แต่ไทยเสียเปรียบ เพราะจุดเริ่มของปัญหาคือกัมพูชาเป็นฝ่ายรุกเข้ามา แต่กลับต้องถอยทั้งสองฝ่าย และปัญหาไม่จบ ปะทุกลับมาได้ทุกเมื่อ
ความเป็นไปได้ : โอกาสสูงมากจากทางฝ่ายกัมพูชา แต่ไทยน่าจะประกาศไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก
ผลกระทบ : เป็นลบกับไทย กัมพูชามีแนวโน้มนำเรื่องไปฟ้องศาลโลกอย่างน้อย 3 พื้นที่ คือ ช่องบก ปราสาทตาเมือน ปราสาทตาควาย
แนวทางการดำเนินการของฝ่ายไทย :
- ไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก
- เตรียมการรับมือหากจำเป้นต้องขึ้นศาลโลก โดยเฉพาะหลักฐานการขึ้นทะเบียน “กลุ่มปราสาทตาเมือน และตาควาย” เป็นโบราณสถานโดยกรมศิลปากร ตั้งแต่ปี พ.ศ.2478 (ก่อนกัมพูชาก่อตั้งประเทศ)
- หลักฐานการเข้าพื้นที่ศาลาตรีมุข
- เฝ้าระวังการยื่นคำร้องฝ่ายเดียวให้ศาลโลกมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว เพื่อจัดการข้อพิพาท (ไทยอาจเสียเปรียบ)
ความเป็นไปได้ : 50-60%
ผลกระทบ : เป็นลบกับทั้งสองฝ่าย พื้นที่การปะทะอาจขยายจากช่องบกไปยังจุดอื่นๆ เช่น ชายแดนด้านกลุ่มปราสาทตาเมือน ตาควาย (คือจากด้านอุบลราชธานี ขยายไปสุรินทร์)
ความเป็นไปได้ : 20-40%
ผลกระทบ : เป็นลบกับทั้งสองฝ่าย
สถานการณ์ตามฉากทัศน์นี้ อาจเรียกได้ว่าเป็นความเสี่ยงที่เหนือความคาดหมายของฝ่ายการเมือง แต่ในทางการทหาร มีการประเมินเป็นแนวทางเลวร้ายที่สุดเอาไว้
ตัวอย่างที่อาจเกิดขึ้นได้ คือ กัมพูชาใช้การกำหนดวันประชุม JBC เป็นตัวประวิงเวลา เบี่ยงเบนความสนใจ แต่ขณะเดียวกันก็เตรียมพร้อมเพื่อโจมตีฝ่ายไทย เพราะเชื่อว่าไทยไม่พร้อม (หลงเชื่อกัมพูชา รอประชุม JBC ก่อน) ปฏิบัติการรูปแบบนี้เพื่อสร้างสถานการณ์ดึงเข้าสู่ฉากทัศน์ที่ 3