ทอ.แถลงซื้อ Gripen E/F ส่วนปมชายแดนกัมพูชาพร้อมประสาน ทบ.-ทภ.2
ทอ.แถลงซื้อ “Gripen E/F” 4 ลำ พร้อมจรวดสุดล้ำ Meteor ส่วนการดูแลชายแดนฝั่งกัมพูชา พร้อมประสาน ทบ.-ทภ.2 สามารถขึ้นบินสกัดได้ใน 5 นาที
4 มิถุนายน 2568 พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ นำแถลงบทสรุปการจัดหาเครื่องบินขับไล่ทดแทน ว่า กองทัพอากาศให้ความสำคัญ กับการเลือกแบบตั้งแต่เริ่มกระบวนการคัดเลือก ทั้งรายละเอียดหลักและ นโยบายชดเชยการนำเข้ายุทโธปกรณ์ หรือ Offset Policy ซึ่งถือเป็นมิติใหม่ของกองทัพอากาศ และเป็นโครงการนำร่องในเรื่องของการพิจารณา Offset Policy
ซึ่งโครงการนี้เป็นโครงการสำคัญในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของกองทัพอากาศ เพื่อมุ่งสู่การเป็นกองทัพอากาศที่แข็งแกร่ง พร้อมปกป้องอธิปไตย ตามสมุดปกขาวของกองทัพอากศ เพื่อทดแทนเครื่องบิน F-16 จากกองบิน 1 ที่ใช้มากกว่า 37 ปี โดยโครงการนี้แบ่งเป็น 3 ระยะ รวม 10 ปี ซึ่งระหว่างนี้ยังต้องใช้ F-16 ไปอีกประมาณ 10 ปี
ทั้งนี้ กองทัพอากาศคัดเลือกจาก 20 แบบ จนเหลือ 6 แบบ และเหลือ 2 แบบ ในที่สุดก็เลือก Gripen E/F (อ่านว่า กริพเพน อีเอฟ) ซึ่งตอบโจทย์ในเรื่องของการต่อยอดพัฒนาอาวุธยุทโธปกรณ์ เรื่องของการชดเชยมูลค่าทางเศรษฐกิจ โดยกำหนดรูปแบบการจัดหาเป็นแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล หรือ จีทูจี ซึ่งการเจรจาทุกท่านขั้นตอนกับสวีเดนได้ข้อยุติแล้ว
“ขอให้ความมั่นใจว่าโครงการจัดหาเครื่องบินขับไล่ Gripen E/F ดำเนินการด้วยความรอบคอบ มีประสิทธิภาพ และตรวจสอบได้ ตลอดจนสนับสนุนชดเชยการนำเข้ายุทโธปกรณ์ ตามนโยบายของรัฐบาล เกิดความคุ้มค่าสูงสุดต่องบประมาณที่ได้รับจากภาษีของประชาชน โดยเป็นเครื่องที่มีสมรรถนะสูง ใช้ปกป้องอธิปไตยและรักษาผลประโยชน์ของชาติ สามารถตอบสนองต่อภัยคุกคามตามสภาวะแวดล้อมในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี มีประสิทธิภาพ”
ด้าน พล.อ.อ.เสกสรร คันธา ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารทหารอากาศ กล่าวว่า โครงการนี้เริ่มจัดหาที่ 4 เครื่องก่อน ใช้งบ 5 ปี คือ 2568-2572 ข้อเสนอหลัก หรือ เมนแพ็กเกจ คือเครื่องบิน E (1 ที่นั่ง) 3 เครื่อง และเครื่องบิน F (2 ที่นั่ง) 1 เครื่อง พร้อมระบบรองรับ รวมทั้งระบบปฏิบัติการสงครามอิเล็กทรอนิกส์ สามารถใช้อาวุธอากาศสู่อากาศระยะไกลกว่าสายตาแบบ Meteor รวมถึงอาวุธอื่นๆ และระบบสนับสนุนอุปกรณ์ภาคพื้นและอะไหล่ ขณะเดียวกันยังรวมถึงการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่และนักบิน
ขณะที่ พล.อ.อ.คิดควร สดับ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารอากาศ ได้ย้ำถึงนโยบายชดเชยการนำเข้า รวม 14 รายการ ว่า มีทั้งข้อเสนอชดเชยทางตรง 7 รายการ เช่น Link T เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลทางยุทธวิธีอย่างอิสระ ซึ่งสามารถขยายผลร่วมปฎิบัติการกับเหล่าทัพอื่นได้โดยไม่มีข้อจำกัด และการส่งเสริมอุตสาหกรรมการบิน ส่วนข้อเสนอทางอ้อมอีก 7 รายการ เข่น การส่งเสริมการลงทุน และการพัฒนาทางไซเบอร์
ส่วน พล.อ.ต.พูนศักดิ์ ปิยะรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน กองทัพอากาศ ชี้แจงขั้นตอนการจัดซื้อหลังจากนี้ ว่า ที่ผ่านมาได้ดำเนินการตามระเบียบกระทรวงกลาโหม ว่าด้วยวิธีการรัฐบาลต่อรัฐบาล โดยกองทัพอากาศจะเสนอเรื่องให้กองทัพไทย วางแผนภายในต้นเดือนมิถุนายนนี้ คาดว่ากองทัพไทยจะเสนอเรื่องให้กับกระทรวงกลาโหมได้กลางเดือนมิถุนายน โดยจะดำเนินการควบคู่ไปกับการส่งร่างสัญญาให้กับสำนักงานอัยการสูงสุด และกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงต่างประเทศ เพื่อพิจารณาประเด็นที่เกี่ยวกับข้อกฎหมายต่างๆ คาดว่าจะดำเนินการได้ภายในกลางเดือนมิถุนายนเช่นกัน
ขณะเดียวกัน จะส่งเรื่องให้สำนักงบประมาณ เพื่อตรวจสอบ ได้งบประมาณภายในเดือนมิถุนายน และกระทรวงกลาโหม จะส่งเรื่องต่อ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อนำเข้าสู่ ครม. ภายใน 15 กรกฎาคม 68 โดยภายหลังเห็นชอบให้กองทัพอากาศดำเนินการ และลงนามในสัญญา ซึ่งคาดว่าจะลงนามได้ในช่วงปลายเดือนสิงหาคมนี้
นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้เรียนเชิญนายกรัฐมนตรีเยือนประเทศสวีเดนอย่างเป็นทางการ พร้อมกับการลงนามความร่วมมือและเป็นพันธมิตรของ 2 ประเทศต่อไป
ผบ.ทอ. เตรียมพร้อมดูแลน่านฟ้า ชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นบินสกัดได้ใน 5 นาที
ขณะที่ พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) เปิดเผยว่า โครงการจัดเครื่องบิน Gripen E/F จะผ่านการพิจารณาของ ครม. หรือไม่นั้น ก่อนที่จะแถลงข่าวได้แจ้ง นายภูมิธรรม รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม รับทราบทุกขั้นตอน และได้รับอนุญาตให้มีการแถลงข่าวครั้งนี้ ซึ่งการแถลงข่าวจะสร้างความมั่นใจได้ในระดับสูงสุด จากกระบวนการต่างๆ ที่ได้นำเสนอ เช่น การคัดเลือกที่ทำอย่างโปร่งใส ยุติธรรม เกิดประโยชน์ทั้งด้านความมั่นคงและภาพรวมประเทศ ดำเนินการตามนโยบายรัฐบาล
เมื่อถามว่า โครงการดังกล่าวจะผ่าน ครม. หรือไม่ ผบ.ทอ. กล่าวว่า มั่นใจ ซึ่งนายภูมิธรรม ได้รับทราบ และให้ความมั่นใจแล้ว
เมื่อถามว่า โครงการดังกล่าวผูกพันงบประมาณ 10 ปี เครื่องบินที่ได้รับจะทันสมัย รองรับภัยคุกคามในอนาคตหรือไม่ ผบ.ทอ. เชื่อว่า เทคโนโลยีที่เราวางแผนและเลือกมา น่าจะอยู่ได้ถึง 30 ปี สงครามทางอากาศจะเป็นรูปแบบการใช้ประสิทธิภาพที่สูงขึ้น และอยู่ในหลักเกณฑ์การคัดเลือกของเราทั้งสิ้น เราคัดเลือกแบบมาจากเครื่องบินที่มีสมรรถนะที่ดีที่สุด และดีกว่าที่เรามีอยู่
สำหรับกริพเพนที่ประจำการในกองทัพอากาศขณะนี้ เราจัดหาเมื่อปี 2554 ตอนนี้ยังคงมีความทันสมัย แต่ด้วยเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป เราจึงจำเป็นต้องจัดหาเครื่องบิน ที่มีขีดความสามารถที่สูงกว่า Gripen C/D ที่ประจำการอยู่ ขอยืนยันอีก 10 ปีข้างหน้ายังใช้งานได้แน่นอน นอกจากนั้นการพัฒนาหรือปรับปรุงให้ทันสมัยยิ่งขึ้น ก็สามารถทำได้ในเครื่องบินรุ่นใหม่
เมื่อถามถึงภารกิจป้องกันน่านฟ้าตามแนวชายแดน ผบ.ทอ. กล่าวว่า ในการเตรียมป้องกันประเทศ เราตอบโจทย์อย่างสูงที่สุด เราไม่ได้มองว่าจะไปรุกรานใคร แต่สิ่งที่เราต้องทำ เราต้องป้องกันประเทศของเราได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด จึงจะถือว่าตอบโจทย์ที่สุด
เมื่อถามถึงการป้องกันน่านฟ้าชายแดนด้านตะวันออก ผบ.ทอ. กล่าวว่า กองทัพอากาศมีความพร้อมตลอดเวลา ที่ผ่านมา มีเครื่องบินรุกล้ำเข้ามาน่านฟ้าอธิปไตยของเรา กองทัพอากาศสามารถขึ้นบินสกัดภายใน 5 นาที ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันความพร้อมทางอากาศของเรา โดยเฉพาะเครื่อง Gripen ฝูงใหม่ที่จะเข้าประจำการ จะสามารถตอบโจทย์ในด้านความทันสมัยและเทคโนโลยีในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งสงครามอิเล็กทรอนิกส์ หรือสงครามสมัยใหม่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
เมื่อถามย้ำถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ผบ.ทอ. ยืนยันว่า เรามีความพร้อม และได้มีการพูดคุยหารือกับกองทัพภาคที่ 2 กองทัพบก อยู่ตลอดเวลา ซึ่งอยู่สถานการณ์อยู่ในภาวะปกติ แต่เรามีความพร้อม ซึ่งความร่วมมือกับกองทัพบกมีอยู่ตลอด มีการฝึกร่วมกันทุกปี และเราก็รู้ว่าใครทำหน้าที่อะไร หากสถานการณ์พัฒนาขึ้นไป ก็รู้ว่าต้องทำอย่างไร จึงขอให้เชื่อมั่นขีดความสามารถของกองทัพในการปกป้องอธิปไตย
ส่วนที่กองทัพอากาศมี กองบิน 21 จ.อุบลราชธานี มีการเตรียมการอย่างไรหรือไม่ ผบ.ทอ. กล่าวว่า ก็มีการเตรียมการ แต่ไม่ต้องตื่นตระหนกอะไร ขอให้เชื่อมั่นการเตรียมการของกองทัพ เราไม่ได้อยู่เฉยๆ และไม่ได้ดำเนินการที่จะทำให้ทุกอย่างบานปลายออกไป ทุกอย่างเป็นไปตามสถานการณ์ตามแนวทาง
