
4 มิถุนายน 2568 ปมร้อนชายแดนไทยกัมพูชา ซึ่งโซเชียลมีการนำเสนอว่า ทางกัมพูชามีการนำระเบิด Type 72A ระเบิดสังหารบุคคลมาติดตั้ง
ซึ่งต่อมา ภาพระเบิดที่ปรากฏในภาพ และมีการแชร์กันนั้น นายภูมิธรรม รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ได้บอกเป็น “ภาพเก่า - ระเบิดเก่า”
“เนชั่นทีวี” ได้ตรวจสอบจากหน่วยทำลายวัตถุระบิดของทหาร ได้ข้อมูลว่า ระเบิดตามภาพ คือ Type 72A เป็น “ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล” ระบบทำงาน “ระเบิดโดยแรงกด” ผลิตโดยประเทศจีน
อายุของระเบิดชนิดนี้ ผลิตปี 1987แต่การนำมาใช้ เป็นคนละเรื่องกับอายุของระเบิด หรือรุ่น หรือปีที่ผลิต
เพราะกัมพูชาและประเทศไทยได้ลงนามและให้สัตยาบันในอนุสัญญาออตตาวา ซึ่งมีชื่อเต็มว่า “อนุสัญญาว่าด้วยการห้ามใช้ การสะสม การผลิต และการถ่ายโอนกับระเบิดสังหารบุคคล และการทำลายกับระเบิด”
โดยกัมพูชาได้ลงนามเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 1997 และให้สัตยาบันเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 1999 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2000
ประเทศไทยได้ลงนามเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 1997 และให้สัตยาบันเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 1998 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 1999
“อนุสัญญาออตตาวา” หรือชื่อเต็มว่า “อนุสัญญาว่าด้วยการห้ามใช้ สะสม ผลิต และถ่ายโอนทุ่นระเบิดสังหารบุคคล และการทำลายทุ่นระเบิดดังกล่าว” เป็นสนธิสัญญาระหว่างประเทศที่มีจุดมุ่งหมายหลักเพื่อยุติการใช้ “ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล” (Anti-Personnel Landmines: APLs) ซึ่งเป็นอาวุธที่สร้างผลกระทบต่อพลเรือนอย่างร้ายแรงทั้งในยามสงครามและหลังสงคราม
อนุสัญญานี้ถูกเปิดให้ลงนามเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม ค.ศ. 1997 ณ กรุงออตตาวา ประเทศแคนาดา และมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มีนาคม ค.ศ. 1999 ปัจจุบันมี 164 ประเทศเข้าร่วม และช่วยทำลายทุ่นระเบิดไปแล้วกว่า 50 ล้านลูกทั่วโลก
ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลเป็นอาวุธที่มีต้นทุนต่ำ แต่สร้างความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินมหาศาล แม้สงครามจะสิ้นสุดลงแล้ว ทุ่นระเบิดที่ยังคงฝังอยู่ในพื้นที่ต่างๆ ทำให้พลเรือนได้รับบาดเจ็บทุกปี โดยเฉพาะเด็กและชาวบ้าน ที่ไม่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้ง จึงเกิดความเคลื่อนไหวในระดับนานาชาติ เพื่อยุติการใช้และกำจัดอาวุธชนิดนี้
- ห้ามใช้ พัฒนา ผลิต ซื้อขาย ถ่ายโอน หรือเก็บรักษาทุ่นระเบิดสังหารบุคคล
- ทำลายทุ่นระเบิดที่มีอยู่ในคลังภายใน 4 ปี
- เคลียร์พื้นที่ที่มีการฝังทุ่นระเบิดภายใน 10 ปี (ขอขยายเวลาได้)
- รายงานต่อสหประชาชาติเกี่ยวกับปริมาณและสถานะของทุ่นระเบิดในความครอบครอง
- ให้ความร่วมมือและช่วยเหลือรัฐอื่นๆ เช่น การเก็บกู้ การฟื้นฟูผู้ประสบภัย และการสนับสนุนทางเทคนิค
อนุสัญญาออตตาวา มีบทบาทสำคัญที่ทำให้จำนวนการใช้ทุ่นระเบิดลดลงอย่างมาก ในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา รัฐภาคีได้ร่วมมือกันทำลายทุ่นระเบิดไปแล้วกว่า 50 ล้านลูก และมีหลายประเทศที่เคลียร์พื้นที่เสร็จสมบูรณ์แล้ว
ทั้งนี้ แม้อนุสัญญานี้จะไม่มีหน่วยงานตรวจสอบ หรือบทลงโทษโดยตรง แต่การร่วมมือของประชาคมโลก การรายงานความโปร่งใส และแรงกดดันจากสังคมระหว่างประเทศ ก็เป็นกลไกสำคัญในการผลักดันให้ประเทศต่างๆ ปฏิบัติตามหลักมนุษยธรรมนี้
อ้างอิง : Arms Control Association