จุลพันธ์ เผยนายกฯ สั่งคลังคุยทีม ศก.หลังศาลมะกันเบรกภาษีทรัมป์

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ชี้แจงต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ 2569 วงเงิน 3,780,600 ล้านบาท ที่คณะรัฐมนตรี ได้เสนอต่อประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาในวาระแรก ต่อเนื่องเป็นวันที่สอง ถึงตัวเลขทางเศรษฐกิจ ภูมิรัฐศาสตร์โลก รวมถึงสงครามการค้าของสหรัฐอเมริกา โดยยืนยันว่า ร่างงบประมาณ มีกระบวนการยืดหยุ่น และมีขั้นตอนรองรับการเปลี่ยนแปลงของสงครามการค้า รวมทั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ยังสามารถปรับแก้ให้ตอบโจทย์สถานการณ์ได้ และหลังการประกาศใช้ คณะรัฐมนตรี และอธิบดี ยังสามารถพิจารณาปรับแก้ให้ยืดหยุ่นได้ เพื่อรองรับต่อสถานการณ์

นายจุลพันธ์ ยังกล่าวถึงการตั้งสมมติฐานของผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ที่อภิปรายเมื่อวานนี้ (28 พ.ค.) ว่า เช้าวันนี้ (29 พ.ค.) สถานการณ์ได้เปลี่ยนไป ทำให้สมมติฐานของผู้นำฝ่ายค้านฯ ผิดไปแล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า เป็นความผิดเพราะวินิจฉัยผิด เพราะสถานการณ์เปลี่ยนไปได้ หลังศาลการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐ (US Court of International Trade) ในแมนฮัตตัน พิพากษายับยั้ง นโยบายภาษีนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา และในวันนี้ (29 พ.ค.) นายกรัฐมนตรี ก็ได้มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และคณะที่ปรึกษา ไปพูดคุยหลังการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ที่บ้านพิษณุโลก เพื่อรองรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นล่าสุด

นายจุลพันธ์ ยังกังวลถึงการอภิปรายของผู้นำฝ่ายค้านฯ ที่ระบุประเทศไทย สุ่มเสี่ยงเป็นรัฐล้มเหลว โดยยืนยันว่า ประเทศไทยไม่มีความใกล้เคียงกับรัฐล้มเหลว และรัฐบาลยังควบคุมการบริหารราชการแผ่นดินได้ครบถ้วน และมั่นใจว่า ผู้นำฝ่ายค้านฯ ก็รับทราบ เพียงแต่อยากใช้เป็นโวหารทางการเมือง จึงขอให้มีความรับผิดชอบในการใช้คำ เพราะผู้นำฝ่ายค้านฯ จะไม่ชอบรัฐบาลได้ แต่ต้องรักษาประเทศ เพราะผลกระทบที่เกิดขึ้น เกิดเชิงลบต่อภายนอก มองมายังสภาผู้แทนราษฎร ทำให้มุมมองต่อประเทศไทยเป็นไปในเชิงลบ ทั้งที่ผู้ที่รัฐศาสตร์ทราบว่า ไม่มีความใกล้เคียงแต่อย่างใด

ส่วนข้อเสนอของฝ่ายค้าน ที่ขอให้รัฐบาลถอนร่างงบประมาณกลับไปปรับปรุงแก้ไขก่อนนั้น นายจุลพันธ์ ชี้แจงว่า อาจเป็นความไม่เข้าใจของฝ่ายค้าน เพราะกระบวนการขั้นตอนนั้น ยังมีพระราชบัญญัติวิธีงบประมาณ ที่มีกรอบระยะเวลาชัดเจน และไม่สามารถยืดหยุ่นได้ เพราะผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้น กระบวนการจะไม่ทัน และไม่สามารถประกาศใช้งบประมาณประจำปีงบประมาณ 2569 ได้ทันวันที่ 1 ตุลาคม ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ พร้อมยืนยันว่า รัฐบาลจะเร่งผลักดันร่างงบประมาณฯ ตามขั้นตอนปกติ