
26 พฤษภาคม 2568 วาระร้อนการเมืองสัปดาห์นี้ คือพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 กรอบวงเงิน 3,780,000 ล้านบาท ของสภาผู้แทนราษฎร ตั้งแต่วันที่ 28-31 พ.ค. 68 นี้
หนึ่งในประเด็นที่น่าสนใจและต้องจับตาเป็นอย่างมากคือ การจัดสรรงบให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นปี 69 ที่พบว่า เพิ่มขึ้นทุกรายการเมื่อเทียบกับปี 68 ไม่ว่าเป็นเงินอุดหนุน กรุงเทพมหานคร , เมืองพัทยา , อบจ. , เทศบาลนคร , เทศบาลเมือง , เทศบาลตำบล , อบต.
ทั้งนี้ ประเทศไทยเพิ่งผ่านการเลือกตั้ง นายก อบจ. , นายกเทศมนตรี ไปไม่นาน ถือเป็นการตระเตรียมงบประมาณอุดหนุนรองรับ อย่างพร้อมสรรพ
ในทางการเมืองก็อาจปฏิเสธไม่ได้เลยว่า การจัดสรรงบเพื่อลงไปพัฒนาท้องถิ่น ย่อมได้รับความนิยมสร้างฐานคะแนนเสียงสะสม เพื่อนำไปสู่การเลือกตั้งครั้งที่กำลังจะมาถึง หรือการเลือกตั้งปี 2570 ก็เป็นได้
สำนักงบประมาณ ได้ให้เหตุผล การปรับเพิ่มงบไว้ว่า เพื่อให้การกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสอดคล้องกับกับหลักการตามพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งมีวัตถุประสงค์ให้มีการกระจายอำนาจเพิ่มขึ้นและสอดคล้องกับแนวทางการปฏิรูปรายได้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อให้สามารถพึ่งพาตนเองได้ รวมทั้งการให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพิจารณานำเงินนอกงบประมาณ หรือเงินสะสมมาใช้สมทบงบประมาณรายจ่ายประจำปี เพื่อดำเนินโครงการลงทุนในท้องถิ่นมากขึ้น
จึงเห็นสมควรจัดสรรเงินอุดหนุนให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 จำนวน 389,527.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น จำนวน 11.131.9 ล้านบาท คิดเป็น ร้อยละ 2.9 ทำให้ประมาณการรายได้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีจำนวนที่นำมามาคิดสัดส่วนทั้งสิ้น 859,479.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 จำนวน 19,838.9 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 2.4 และคิดเป็นสัดส่วนรายได้ขององค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่นต่อรายได้สทธิของรัฐบาล (ไม่รวมเงินกู้) ร้อยละ 29.43
การปรับเพิ่มงบท้องถิ่นทุกองค์กรในรอบนี้ สอดรับกับคำสั่งที่ กระทรวงมหาดไทย ได้แจ้งทุกจังหวัดรวบรวมโครงการเพื่อเสนอของบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.57 แสนล้าน ภายใน 26 พ.ค. โดยกำชับข้อเสนอทุกโครงการต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ ครม. เพื่อประสิทธิภาพการพิจารณากลั่นกรอง เม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจตามเป้าหมายรัฐบาล
ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 20 พ.ค. 68 ได้เห็นชอบแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายใต้กรอบวงเงิน 1.57 แสนล้านบาท ซึ่งจะครอบคลุมการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำและคมนาคม การท่องเที่ยว การลดผลกระทบส่งออกและเพิ่มผลิตภาพ เศรษฐกิจชุมชนและอื่นๆ ซึ่งทุกกระทรวงซึ่งเป็นหน่วยรับงบประมาณที่เกี่ยวข้องต้องเสนอโครงการ ผ่านรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีเจ้าสังกัดหรือรัฐมนตรีที่กำกับดูแล เพื่อเสนอตามขั้นตอนการกลั่นกรอง และเสนอต่อสำนักงบประมาณในคราวเดียวกันด้วยภายในเดือน พ.ค. 68
"เดิมกระทรวงมหาดไทยได้ให้จังหวัดรวบรวมข้อมูลโครงการภายในวันที่ 23 พ.ค. 68 เพื่อที่คณะกรรมการ ระดับกระกรม และระดับกระทรวง จะได้พิจารณากลั่นกรอง ให้เป็นไปตามแนวทาง หลักเกณฑ์ที่ ครม. กำหนดไว้ แต่ด้วยระยะเวลาที่กระชั้นชิดจึงขยายเวลาออกไปเป็นวันที่ 26 พ.ค. 68 เพื่อให้แต่ละพื้นที่ได้พิจารณาโครงการที่เหมาะสมแต่ละพื้นที่ ครอบคลุมทุกมิติและเป็นประโยชน์กับประชาชน"