"ศิริกัญญา" หนุน "พิชัย" ทบทวน"งบปี69"ในชั้นครม. อย่าเพิ่งโยนให้สภาฯ

2 พฤษภาคม 2568  น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล  สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน โพสต์ข้อความ กรณีที่นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง มีความเห็นว่า ควรทบทวนงบประมาณ 2569  

น.ส.ศิริกัญญา  ระบุว่า จากข่าวนี้เห็นด้วยกับคุณพิชัยนะคะ ที่บอกว่าการสร้างหนี้เพิ่มจะเป็นทางเลือกสุดท้าย และจะทบทวนโครงการดิจิทัลวอลเล็ต แม้คุณพิชัยจะพูดไม่ตรงกันกับนายกรัฐมนตรี ที่บอกว่าจะเดินหน้าแจกเงินหมื่นก็ตาม

แต่ที่คุณพิชัย ให้ข่าวเรื่องการทบทวนงบประมาณปี 69 ว่าอยู่ในขั้นตอนของสภานั้น จริงๆ ตอนนี้ร่างงบประมาณยังอยู่กับครม. โดยที่รัฐบาลสามารถดึงกลับไปทบทวนได้อยู่ แต่เมื่อการประชุมครม.ครั้งที่ผ่านมากลับอนุมัติร่างเดิมที่ยังไม่ได้มีการแก้ไข แล้วโบ้ยงานมาให้สภาเป็นผู้พิจารณาตัดงบประมาณเองอันนี้ไม่เห็นด้วย เพราะจะทำให้เกิดปัญหา 2 เรื่องด้วยกัน

1. ถ้าตัดได้จริง ทางสภาพิจารณาตัดงบประมาณได้อย่างเดียวอยู่ดี แต่เพิ่มโครงการไม่ได้อีกแล้ว สภาจึงมีแค่ 2 ทางเลือก

a) แปรงบเข้าโครงการที่หน่วยงานเคยส่งคำขอมาก่อน แต่สำนักงบตัดไป ซึ่งคำขอเดิมก็คงไม่ได้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เรากำลังเผชิญอยู่อยู่ดี

b) แปรงบเข้า งบกลาง รายการกระตุ้นเศรษฐกิจและเสริมสร้างความเข้มแข็ง ที่เดิมตั้งไว้ 25,000 ล้านบาท น่าจะเอาไว้ทำดิจิทัลวอลเล็ตเฟสหลังๆ

ซึ่งถ้าให้ตัดไปไว้งบกลาง ฝ่ายค้านก็คงไม่เห็นด้วยที่จะตัดงบเข้างบกลาง เพราะไม่รู้เลยว่ารัฐบาลจะเอางบไปทำอะไร

2. ปัญหาข้อที่ 2 คือ ประสบการณ์การให้สภาตัดงบเอง จากงบปี 68 ที่พบว่าพรรคร่วมรัฐบาลต่างก็ปกป้องงบประมาณกระทรวงตัวเองทำให้ตัดงบไปได้ไม่มาก ทั้งๆ ที่ตอนนั้นรัฐบาลกำลังต้องการเงินไปทำดิจิทัลวอลเล็ต สุดท้ายต้องไปตัดงบที่ตั้งไว้ชำระหนี้ให้กับธกส. ออมสิน Exim Bank ธอส. สูงถึง 30,000 ล้านบาท จนกลายเป็นคดีความที่มีการร้องกันอยู่

จึงเรียกร้องให้ทางรัฐบาลดึงเอาร่างพรบ.งบประมาณปี 69 ไปทบทวนเอง ซึ่งอาจจะทำให้ล่าช้าไปอีก 1-2 อาทิตย์ ไม่ถึง 3-4 เดือนอย่างที่รัฐบาลอ้าง เพราะเป็นการเพิ่มเพียงบางรายการ และตัดจากงบของหน่วยงานที่ยังไม่มีความจำเป็นในช่วงนี้

หรือถ้าจะบ่ายเบี่ยงไม่ยอมทำเองจริงๆ ก็ขอให้ทางรัฐบาลตั้งวงเงินที่ต้องการให้ตัดมาเลยว่าอยากให้ตัดกี่แสนล้าน และจะเอาไปทำโครงการอะไรบ้างที่มีรายละเอียดชัดเจน เพื่อให้สภา และกรรมาธิการจากพรรคร่วมรัฐบาลยินยอมให้ตัดงบ และฝ่ายค้านจะสบายใจมากขึ้นว่าไม่ได้ตัดงบเพื่อเซ็นเช็คเปล่าให้รัฐบาลจะเอาไปทำอะไรก็ได้

 

ระดมสมอง ประเมินผลกระทบจากสงครามการค้ายุคทรัมป์ 2.0 

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 30 เม.ย. 2568  ที่โรงแรมโนโวเทล แพลตินัม ประตูน้ำ ทีมเศรษฐกิจพรรคประชาชน จัดเสวนาโต๊ะกลม ประเด็นทางเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญ   โดย นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาชน พร้อมด้วยทีมนโยบายเศรษฐกิจของพรรค จัดงานเสวนา “Re-positioning Thailand: วางตำแหน่งใหม่เศรษฐกิจไทยในสงครามการค้า” ภายใต้โครงการผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรพบประชาชน เปิดเวทีแสดงวิสัยทัศน์และระดมสมองแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพื่อเปลี่ยนวิกฤตโลกให้เป็นโอกาสในการวางตำแหน่งใหม่เศรษฐกิจไทย

ทีมเศรษฐกิจพรรคประชาชนนำเสนอความเคลื่อนไหวของประเทศต่างๆ พร้อมทั้งข้อเสนอ (1) การจัดการเศรษฐกิจภายใน (2) การปรับโครงสร้างอุตสาหกรรม และ (3) การยกระดับภาคเกษตรไทย หลังจากนั้นจึงเปิดวงเสวนาโต๊ะกลมที่มีตัวแทนจากหลายภาคส่วนร่วมอภิปราย ทั้งจากสภาหอการค้าระดับประเทศและระดับจังหวัด สภาอุตสาหกรรม ผู้ประกอบการอิเล็กทรอนิกส์และแผ่นวงจรพิมพ์ อุตสาหกรรมของเล่นและเครื่องประดับ กลุ่มผู้ประกอบการ SMEs ผู้แทนเกษตรกรพืชไร่และผู้เลี้ยงสุกร รวมถึงผู้ทรงคุณวุฒิด้านการต่างประเทศ

ทั้งนี้ ข้อคิดเห็นทั้งหมดจากผู้ร่วมงานจะถูกนำไปเป็นข้อมูลนำเข้าสำหรับการศึกษาผลกระทบผ่านคณะอนุกรรมาธิการศึกษาผลกระทบจากนโยบายกำแพงภาษี (อนุฯ Trade War) ที่ได้รับมอบหมายจากสภาผู้แทนราษฎร โดยพรรคประชาชนพร้อมเดินสายรับฟังทุกกลุ่มเสี่ยง ใช้กลไกนิติบัญญัติในการติดตามสถานการณ์และรับฟังเสียงของประชาชน เพื่อจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายให้เกิดการผลักดันแนวทางการรับมือและแก้ปัญหาอย่างเต็มประสิทธิภาพ

ขอขอบคุณผู้แทนจากภาคเอกชน หน่วยงานของรัฐ ภาควิชาการ สื่อมวลชน ตลอดจนประชาชนทั้งผู้มาร่วมงานและผู้ชมจากทางบ้านที่ให้ความสนใจและตอบรับงานนี้เป็นอย่างดี