
กลายเป็นเกมชิงเหลี่ยมทางกฎหมายระหว่าง ดีเอสไอ กับกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ในคดีฮั้ว สว.
ผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ งัดข้อกรมสอบสวนคดีพิเศษ อ้าง 3 ไอ้โม่งข่มขู่พยานให้ป้ายสี สว.สีน้ำเงิน ส่วนฝั่งดีเอสไอไม่ได้ตอบโต้ แต่คนที่จัดหนักกลายเป็น “บิ๊กวี” พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ต้นสังกัดของดีเอสไอ
ดีเอสไอ VS กรมการปกครอง หรือมหาดไทย
โดยแบ็กของทั้งสองฝ่ายคือ พ.ต.อ.ทวี VS เสี่ยหนู อนุทิน
เบื้องหลังของแบ็ก ก็คือ พ.ต.อ.ทวี เป็นตัวแทนเพื่อไทย VS เสี่ยหนู ตัวแทนภูมิใจไทย ต้นธารของ สว.สีน้ำเงิน
ส่วนเงาทะมึนของทั้งสองฝั่ง ก็คือ “นายใหญ่” หรือ อดีตนายกฯทักษิณ VS “ครูใหญ่” เนวิน แห่งบุรีรัมย์ หรืออาจจะมี “เงาดำ” ทะมึนกว่านั้น
ทว่า การชิงเหลี่ยมทางกฎหมาย กำลังบานปลายต่อไปถึงการแจ้งความดำเนินคดี ซึ่งทั้งสองฝ่ายเตรียมรับมือ และปะทะกันในยกต่อไปเรียบร้อยแล้ว
ฝั่งดีเอสไอ ส่งหลักฐาน “ฮั้ว สว.” ไปให้ กกต.แล้ว ผ่านทางคณะกรรมการไต่สวนและสืบสวน ที่มีตัวแทน กกต.เป็นกรรมการร่วมกับ ดีเอสไอ และ ปปง.
ขยายเรื่องนี้ให้เป็นข่าว เพื่อกดดันให้ กกต.เร่งชี้มูล
ดีเอสไอยอมรับอย่างไม่เป็นทางการกับ “ข่าวข้นคนข่าว” ว่า ความผิดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. เป็นอำนาจของ กกต. จึงต้องให้ กกต.ชี้มูลว่า การได้มาซึ่ง สว.เป็นไปโดยมิชอบเสียก่อน มีโพยฮั้ว และการใช้เงินที่ผิดกฎหมาย
แต่เนื่องจากเป็นที่รู้กันว่า หากรอ กกต.ชุดใหญ่ อาจล่วงเลยกรอบเวลา “สอย” ภายใน 1 ปี “บิ๊กดีเอสไอ” และ “บิ๊กวี” จึงขีดเส้นตายให้รอแค่คณะกรรมการไต่สวนและสืบสวน ชี้มูลเบื้องต้น ก็จะลุยแจ้งข้อหาทันที โดยอ้างกรอบเวลาการทำงานของคณะกรรมการฯ ว่า จะต้องสรุปผลภายในวันที่ 10 พ.ค. 2568 ที่จะถึงนี้
ฉะนั้นวันที่ 10 พ.ค. 2568 จะเป็นจุดพลิกคดีนี้ในฟากฝั่งของ ดีเอสไอ
ขณะนี้ความเห็นของเจ้าหน้าที่ดีเอสไอระดับสูงบางคน ออกแนวฮาร์ดคอร์กว่า เชื่อว่าน่าจะแจ้งข้อหาฟอกเงินไปได้เลย เพราะไม่ได้เกี่ยวกับ กกต. และเป็นอำนาจโดยตรงของดีเอสไอ ทั้งยังเป็นคดีพิเศษในตัวเอง ฉะนั้นจึงไม่ต้องรอคณะกรรมการไต่สวนและสืบสวน ชี้มูลก่อน
แต่ผู้ใหญ่ในดีเอสไอย้ำว่าควรดำเนินการด้วยความรอบคอบ จึงจะรอเส้นตายวันที่ 10 พ.ค. 2568 นี้
ฝั่ง สว.สีน้ำเงิน ประเมินว่า ดีเอสไอไม่กล้าออกหมายเรียก หรือ หมายจับ สว. เพื่อแจ้งข้อหา โดยยึดหลักการที่ว่า “กฎหมายอาญา” แทรกแซงก้าวก่าย “กฎหมายมหาชน” ไม่ได้
การตรวจสอบความชอบด้วยกฎหมายของการได้มาซึ่ง สว. เป็นอำนาจเต็มของ กกต. ไม่ใช่ของหน่วยงานอื่น ขณะที่หน่วยงานอื่นเป็นเพียง “ผู้ช่วย กกต.”
ไม่มีความผิดฐาน “ฮั้วเลือก สว.” หรือ “โพยฮั้ว สว.” ใน พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. แล้วดีเอสไอนำข้อหานี้มาจากไหน
หากมีการออกหมายเรียก หรือหมายจับมาจริง จะไม่มีการไปรับทราบข้อกล่าวหาในทันที แต่จะยื่นคำร้องไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ ว่า ดีเอสไอ กำลังละเมิดอำนาจศาล เพราะศาลรับคำร้องตรวจสอบการทำหน้าที่ของ รมว.ยุติธรรม พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง และ รองนายกฯภูมิธรรม เวชยชัย กรณีแทรกแซงกระบวนการทำงานของ กกต. ในการตรวจสอบการได้มาซึ่ง สว.
แกนนำ สว.สีน้ำเงิน เชื่อถึงขั้นว่า หากดีเอสไอออกหมายเรียกมา แล้ว สว.นำไปเป็นหลักฐานยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ จะทำให้รัฐมนตรีที่ถูกร้อง และศาลรับคำร้องไว้วินิจฉัย ถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่แน่นอน
พร้อมย้ำส่งท้ายว่า นี่คือ “เกมวัดใจ” ว่าจะกล้าทำหรือไม่ ถ้าดีเอสไอกล้า ทาง สว.ก็พร้อมดำเนินการตามที่ระบุมานี้ทันที