
2 พฤษภาคม 2568 ที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กทม. นางกุสุมาลวตี ศิริโกมุท อดีตผู้สมัครสมาชิกวุฒิสภา (สว.) และนางจันทร์เพ็ญ ประเสริฐศรี ตัวแทนกลุ่มผู้เสียหายใน จ.อำนาจเจริญ เดินทางเข้าร้อง ดีเอสไอ ให้ช่วยดูแลความปลอดภัยและคุ้มครองในฐานะพยาน หลังถูกข่มขู่จากกลุ่มบุคคลที่ เข้ามาแทรกแซงกระบวนการ "ฮั้วเลือกตั้ง สว."
โดยมี นายสมบูรณ์ ม่วงกล่ำ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ เป็นผู้รับหนังสือ
นางกุสุมาลวตี เปิดเผยว่า ตนเป็นผู้สมัคร สว. ในกลุ่มสตรี ที่ผ่านระดับอำเภอ และจังหวัดด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม แต่ในระดับประเทศตนเห็นความผิดปกติ และกลไกที่ไม่สมควรที่เกิดขึ้น และเห็นการแทรกแซงของผู้บังคับบัญชาของบางคน บางพรรค ซึ่งที่ผ่านมาตนได้ไปร้องเรียนหลายหน่วยงาน ทั้งศาล คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และถวายฎีกา รวมทั้งไปแจ้งความที่ สภ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม กรณีการเลือกตั้งที่มีพฤติการณ์อั้งยี่ ซึ่งหลังแจ้งความก็มีนายอำเภอโทรศัพท์มาหาตนสอบถามว่าไปแจ้งความมาใช่หรือไม่และต้องการขอสำเนาแจ้งความ เนื่องจากกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้สั่งให้มาดำเนินการ
ตนจึงถามไปว่าคือใคร ทำไมมาขอได้ เพราะเรื่องดังกล่าวเป็นอำนาจหน้าที่ของดีเอสไอ และอัยการที่จะต้องส่งเรื่องไปยังศาล จึงไม่ได้ให้ไปและไม่ได้พูดคุยอะไรต่อ แต่มาทราบภายหลังว่านายอำเภอไปขอกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยให้เหตุผลว่าตนเป็นหัวหน้าส่วนราชการจึงมีสิทธิที่จะดูได้ แต่ตนมองว่าไม่มีสิทธิ์ นอกจากนี้
ตนยังทราบมาด้วยว่ามีพยานหลายรายในคดีนี้ถูกข่มขู่ให้ไปแจ้งความกลับดีเอสไอว่าถูกบังคับมาให้ปากคำ จนพยานต้องไปแจ้งความกลับหลายคนเนื่องจากเกิดความหวาดกลัว อีกทั้งยังมีการสั่งการให้นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ไปข่มขู่พยานด้วย
ด้านนางจันทร์เพ็ญ เปิดเผยว่า ตนเองเป็นผู้แทนของกลุ่มผู้สมัคร สว. ใน จ.อำนาจเจริญ ซึ่งขณะนี้พบว่าถูกข่มขู่ โดยในจังหวัดอำนาจเจริญพบ สว. 5 คน ซึ่งการรับรองดังกล่าวส่วนตัวมองว่าเป็นการรับรองบุคคลที่ขาดคุณสมบัติในสาขาอาชีพต่างๆ โดยให้นักการเมืองท้องถิ่น เป็นผู้รับรอง จึงมองว่าเป็นช่องทางที่นักการเมืองนำมาใช้ในการคัดเลือก สว.
ซึ่งในจังหวัดอำนาจเจริญพบกลุ่มบุคคล 600 - 700 คน ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการ ฮั้วเลือก สว. ที่ถูก ข่มขู่จากบุคคลบางกลุ่ม ตัวเองจึงอยากส่งเสียงไปถึงกลุ่มบุคคลที่ถูกข่มขู่ให้เข้ามาร่วมเป็นพยานกับ DSI สำหรับลักษณะการข่มขู่เบื้องต้นพบ มีการส่งข้อมูลหรือข้อความไปถึงกลุ่มผู้สมัครและญาติ ห้ามไม่ให้เข้ามาให้ปากคำในฐานะพยานกับดีเอสไอ อ้างว่ามีการเคลียร์คดีกันแล้ว อีกทั้งยังมีการฝากข้อความมาบอกตัวเองไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับคดีดังกล่าว
ขณะที่ พ.ต.ต.ยุทธนา บอกว่า ผู้ที่เข้ามาร้องทั้งสองท่านวันนี้ถือเป็นพยานในคดีพิเศษที่กรมสอบสวนคดีพิเศษอยู่ระหว่างทำการสอบสวนในคดีอั้งยี่กรณีฮั้วเลือก ส.ว. ระดับประเทศ ซึ่งหลังจากที่นางกุสุมาลวตี ไปแจ้งความที่ สภ.โกสุมพิสัย แล้วสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ได้ส่งเรื่องมาที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ และพิจารณารับเรื่องเป็นคดีพิเศษแล้ว โดยวันนี้มีการมาร้องขอว่ามีพฤติกรรมที่อาจจะเกิดความไม่ปลอดภัยกับผู้ร้อง ซึ่งรัฐมีหน้าที่คุ้มครองพยานในคดีอาญา โดยคณะกรรมการกรมสอบสวนคดีพิเศษต้องพิจารณาว่ามีพฤติกรรมที่จะทำให้เกิดความไม่ปลอดภัยกับพยานหรือไม่
ส่วนกรณีที่มีบุคคลอื่นมาร้องขอนำบันทึกประจำวันที่ผู้ร้องไปแจ้งความ ก็ต้องพิจารณาว่าบุคคลดังกล่าวมีอำนาจหรือสิทธิที่จะขอหรือไม่ ซึ่งการแจ้งความร้องทุกข์ถือเป็นเอกสารในสำนวนคดีอาญา ตามหลักตามกฏหมายแล้วก็มีข้อยกเว้นที่จะไม่เปิดเผยได้ เพราะอาจจะทำให้การบังคับใช้กฎหมายเสื่อมประสิทธิภาพ
อย่างไรก็ตาม การข่มขู่พยานดังกล่าวไม่ได้เป็นอุปสรรคในการสอบสวนแต่หากมีการมาข่มขู่คุกคามพยานก็ต้องมีการพิจารณาคุ้มครอง โดยเบื้องต้นมีพยานมาร้องว่าถูกข่มขู่หลายร้าย แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าเป็นใครบ้าง
ส่วนความคืบหน้าทางคดี ขณะนี้มีการรวบรวมพยานหลักฐานไปมากพอสมควรแล้ว ทั้งพยานบุคคล ประจักษ์พยาน รวมทั้งพยานที่เป็นวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวกับการติดต่อสื่อสารต่างๆ เพื่อพิสูจน์ว่ามีการกระทำจัดตั้งเป็นสมาชิก คณะบุคคล หรือมีการปกปิดวิธีดำเนินการเพื่อกระทำการมิชอบด้วยกฏหมายด้วยวิธีการใดวิธีการหนึ่งหรือไม่
ส่วนหลังจากนี้จะมีการประสานขอความร่วมมือไปยังกระทรวงมหาดไทยหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับการพิจารณาของพนักงานสอบสวนอีกครั้งว่าจะดำเนินการอย่างไร
พ.ต.ต.ยุทธนา บอกว่าได้ข้อมูลรายละเอียดที่เป็นประโยชน์ เพราะนำภาพที่ได้จากการบันทึกภาพเคลื่อนไหวมาวิเคราะห์ว่าบุคคลใดอยู่ในกิจกรรมอะไรบ้าง การเลือก การกาลงคะแนน การแสดงบัตร มีความสอดคล้องกับพยานบุคคล พยานเอกสาร และพยานวัตถุอย่างไร