
6 พฤษภาคม 2568 ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล นายสนธิญา สวัสดี นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ได้มายื่นหนังสือถึง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้ตรวจสอบเพื่อให้ความจริงปรากฏ
กรณีการถือหุ้นและเป็นกรรมการบริหารในบริษัท จำนวน 4 บริษัท ของ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ
อันเป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ขัดต่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) การเลือกตั้ง สส. และ ฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง เพื่อให้นายกฯ ตรวจสอบ และดำเนินการอย่างเร่งด่วนต่อไป
โดยมี พล.ต.ต.สุรสิทธิ์ สังขพงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ เป็นผู้รับยื่นหนังสือแทน
นอกจากนี้ ว่าที่ร้อยเอกไกรภพ นครชัยกุล อดีตหัวหน้ารวมไทยสร้างชาติ เดินทางเข้ามายื่นหนังสือถึงนายกฯ เพื่อขอให้ปลด นายพีระพันธุ์ รวมถึงขอให้ลาออกจากหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ
หลังปรากฏข้อมูลที่ยืนยันแน่ชัด กรณีแจกถุงยังชีพแก่ผู้ประสบภัยน้ำท่วม ซึ่งเป็นงบประมาณของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และเป็นงบประมาณจากรัฐ แต่กลับติดสติกเกอร์รูปและชื่อของตัวเอง
ถือเป็นการใช้ทรัพย์สินของหลวง เพื่อประโยชน์ของตัวเอง อันเป็นการกระทำฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง กระทำขัดต่อผลประโยชน์ทับซ้อน
รวมทั้งการถือครองหุ้นและเป็นกรรมการบริษัท อันเป็นเอกสารมหาชนอย่างชัดแจ้ง ความปรากฏแก่นายทะเบียนพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ที่ระบุว่าปัจจุบัน นายพีระพันธุ์ ยังเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัท รพีโสภาค จำกัด , บริษัท โสภา คอลเลคชั่นส์ จำกัด , บริษัท วีพี แอร์โร่เทค จำกัด และบริษัท พี แอนด์ เอส แลนด์ แอนด์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด
อีกทั้งปัจจุบันนายพีระพันธุ์ ยังดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการบริษัท รพีโสภาค จำกัด ซึ่งปรากฏตามหนังสือรับรองนิติบุคคลของบริษัท รพีโสภาค จำกัด ในขณะที่นายพีระพันธุ์ ยังดำรงตำแหน่งรองนายกฯ และรมว.พลังงาน ในรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน มีพฤติการณ์กระทำฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ อันทำให้สถานะความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลง และขาดคุณสมบัติความเป็นรัฐมนตรี เนื่องจากในขณะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรียังเป็นกรรมการบริษัทและผู้ถือหุ้นด้วย
อีกทั้งการถือหุ้นเกินกว่าจำนวน 5% จะต้องแจ้งให้แก่ประธาน ป.ป.ช. ทราบและไม่คงหุ้นไว้ ให้โอนแก่นิติบุคคลที่บริหารจัดการ แต่นายพีระพันธุ์ยังกระทำฝ่าฝืน โดยมองว่าการเป็นรัฐมนตรีต้องมีความซื่อสัตย์สุจริตอันเป็นที่ประจักษ์ และต้องไม่มีพฤติการณ์อันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรม ล้วนเป็นบทบัญญัติคุณสมบัติความเป็นรัฐมนตรี
การที่นายพีระพันธุ์ ได้แจ้งข้อมูลและกรอกข้อมูลหรือให้ข้อมูลในแบบแสดงข้อมูลเกี่ยวกับการอ่านอาจจะขัดกับการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การจัดการหุ้นส่วนและหุ้นของรัฐมนตรี พ.ศ. 2543 อันเป็นลักษณะปกปิดการกระทำของตัวเอง ส่งผลให้นายกรัฐมนตรีไม่ตรวจสอบให้ดี ไม่ใช้ความระมัดระวังให้เพียงพอในการตรวจสอบคุณสมบัติการซุกหุ้น และเป็นเจ้าของหรือกรรมการบริหารหลายบริษัท
ภายหลังการยื่นหนังสือ นายสนธิญา ให้สัมภาษณ์กรณีนายพีระพันธุ์ ถือหุ้น 4 บริษัท ว่า ตนอยากให้ น.ส.แพทองธาร ตรวจสอบว่าทั้ง 4 บริษัทที่ตกเป็นข่าวว่ามีชื่อนายพีระพันธุ์ เป็นหุ้นส่วนหรือเป็นกรรมการบริหารอยู่หรือไม่ ว่า หากมีชื่ออยู่ ถือเป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ และเป็นการฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้ายแรง
ทั้งนี้หากนายกฯ ยังคงเพิกเฉย ไม่ได้ติดตามกระบวนการหนึ่งกระบวนการใด จะเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เพราะนายพีระพันธุ์ ดำรงตำแหน่ง รองนายกฯ ที่เป็นลูกน้องภายใต้ความรับผิดชอบของนายกฯ ดังนั้นขอให้ นายกฯ มอบหมายบุคคลใดก็ได้ไปดำเนินการช่วยตรวจสอบกับกรมทะเบียนพาณิชย์ ว่ามีชื่อ นายพีระพันธุ์ หรือไม่ หากพบว่ามีชื่อ นายพีระพันธุ์ ทุกอย่างก็จบ และส่วนตัวยืนยันว่า เรื่องดังกล่าวจะไม่ไปถึงการบริหารงานของคณะนายกฯ
นายสนธิญา กล่าวว่า 1.หากนายกฯ ไม่ดำเนินการตรวจสอบ เท่ากับเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ 2.ตนจะยื่นหนังสือต่อ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อให้ตรวจสอบการกระทำดังกล่าวข้างต้น ว่า กรณีที่ นายพีระพันธุ์ เป็นรองนายกฯ และ รมว.พลังงาน ได้ถือหุ้นหรือไม่ถือหุ้นนั้น เพื่อความกระจ่าง และชัดเจน ในฐานะที่ นายกฯ หรือ รองนายกฯ ต่างก็เป็นคนของประชาชน เป็นคนสาธารณะ เป็นหัวหน้าพรรคการเมืองทั้งคู่ ดังนั้นต้องให้ความชัดเจนกับประชาชนที่ติดตามเรื่องดังกล่าว เพื่อให้เป็นประโยชน์กับประชาชนและประเทศชาติ
ส่วนกรณีที่มีการกล่าวอ้างว่านายพีระพันธุ์ เป็นบุคคลที่ซื่อสัตย์สุจริตนั้น ตนเห็นด้วย เนื่องจากประวัติที่ผ่านมา นายพีระพันธุ์ เป็นผู้ที่มีความซื่อสัตย์นั้น นายสนธิญา กล่าวว่า ตนก็เคารพ นายพีระพันธุ์ เป็นการส่วนตัว และเคยทำงานกับด้วยกันในช่วงที่ตนเป็นเลขาผู้อำนวยการองค์การสภากลาง ซึ่งตนศรัทธา และเชื่อมั่นในตัวของ นายพีระพันธุ์ ฉะนั้น
ตนต้องการให้เกิดความกระจ่างเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว หากการเลือกตั้งสมัยหน้า นายพีระพันธุ์ ได้คะแนนเสียงมาก ก็จะเป็นนายกรัฐมนตรีได้สมบูรณ์แบบ แต่หากถือหุ้นอยู่จริงก็ต้องดำเนินการตามกระบวนการกฎหมายตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้
ดังนั้น การร้องวันนี้เพื่อไม่ให้เป็นการลักลั่น ในการปฏิบัติหน้าที่และเป็นไปตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ปี 2560 เพราะเราอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับเดียวกัน และมาตราเดียวกัน กับบุคคลอื่นที่ถูกพิพากษาหรือถูกตัดสินไปแล้ว
นายสนธิญา กล่าวว่า ตนคิดว่าไม่หละหลวม แต่ประเด็นการตรวจสอบของสำนักงานเลขานายกฯ เกรงจะตรวจสอบกับบุคคลนั้นที่จะเป็นรัฐมนตรีหรือรองนายกฯ เขาคงเชื่อมั่นว่า รัฐมนตรีหรือรองนายกฯ ต้องมีฝ่ายกฎหมาย หรือต้องรู้กฎหมาย ก็ไม่จำเป็นจะต้องตรวจสอบซ้ำ
แต่บางครั้งอาจจะเผลอลืมตรวจสอบจนเกิดปัญหาขึ้น ซึ่งตรงนี้จะเป็นปัญหาเฉพาะบุคคล ย้ำว่าไม่ใช่การตรวจสอบรัฐบาลไม่ดีพอ แต่หากกรณีสำนักเลขานายกฯ จะไปตรวจละเอียดก็คงจะต้องเกรงใจรัฐมนตรี เพราะฉะนั้นสิ่งเหล่านี้ที่เกิดขึ้นอาจจะเป็นความผิดพลาดของความหละหลวมที่เกิดขึ้น แล้วทำให้เกิดปัญหาอย่างในปัจจุบัน
นายสนธิญา กล่าวย้ำว่า ตนไม่มีเรื่องใดที่เจ็บปวดหรือเคืองแค้นกับนายพีระพันธุ์ ตนรักและเคารพนับถือ แต่เมื่อตนได้รับเอกสารร้องเรียนมา และที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นเรื่องร้องเรียนของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายก ฯ หรือ อดีต สส.พรรคก้าวไกล 44 คน ที่ลงชื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 112 นั้น ตนก็ร้องเรียนเช่นกัน เพราะอยู่ในมาตรฐานเดียวกัน จนกระทั่งวันนี้ตนไม่มีพรรคการเมืองสังกัด และทำเพื่อประโยชน์ของประชาชนและความถูกต้องเป็นที่ตั้ง และเป็นไปตาม
รัฐธรรมนูญ
นายสนธิญา กล่าวว่า ตนเข้าใจว่า ถ้านายพีระพันธุ์ มีปัญหาในเรื่องของการถือหุ้น หรือทำการบริหารอยู่ในหุ้น ฝ่ายกฎหมายหลายๆ ฝ่ายที่ออกมาพูด หรือจะมีบุคคลอื่น เช่น นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต สว. โดยส่วนตัวนั้นไม่รู้จักกับนายเรืองไกร และไม่เคยเจอตัวจริง ตนไม่แน่ใจว่าบุคคลหนึ่งบุคคลใด จะดำเนินการต่อไปอย่างไรหรือไม่ แต่ส่วนตัวตนนั้น ขอยืนยันว่า ถ้าสมมุติมีการยืนยันชัดเจนว่านายพีระพันธุ์ ถือหุ้นแล้วอยู่กรรมการบริษัท และลาออกจากตำแหน่ง ลาออกออกจากหัวหน้าพรรค ตนจะยุติการดำเนินการทุกอย่างไป
นายสนธิญา กล่าวเพิ่มเติมว่า ว่าที่ร้อยเอกไกรภพ เป็นอดีตหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ วันนี้มายื่นหนังสือเพื่อทวงคืนพรรคร่วมไทยสร้างชาติกลับมา เพราะกว่าที่ร้อยเอกไกรภพ จะจัดตั้งพรรครวมไทยสร้างชาติได้ ก็เหน็ดเหนื่อยมากมาย
แต่ตอนนี้เห็นว่า มีความวุ่นวาย หรืออุดมการณ์ และเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นในพรรครวมไทยสร้างชาติเปลี่ยนไป ร้อยเอกไกรภพก็พร้อมทวงคืนพรรคกลับมา