
ประเด็น ทุจริตเลือกตั้ง สว. พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ซึ่งกำกับดูแลดีเอสไอ ให้เห็นว่า กกต.มีอำนาจเต็มในการตรวจสอบการกระทำผิดเกี่ยวกับกระบวนการเลือก สว. ซึ่งเป็นไปตาม พ.ร.ป.การได้มาซึ่ง สว. แต่ก็จำกัดเฉพาะความผิดเกี่ยวกับการคัดเลือกเท่านั้น ไม่ว่าจะทุจริต จ่ายเงิน ล็อกเป้า ทำโพย หรือตัวเองไม่มีคุณสมบัติ แต่มาลงสมัคร
แต่ความผิดที่เป็น “ความผิดอาญา” เช่น อั้งยี่ ความทางความมั่นคง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 หรือ ความผิดฐานฟอกเงิน เป็นอำนาจหน้าที่ของ ดีเอสไอ แน่นอน
ล่าสุด มีข้อโต้แย้งในเรื่องนี้ โดยยก พ.ร.ป.ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง มาตรา 49 มายืนยันอำนาจของ กกต. ว่ามีอำนาจเต็มในการสืบสวนสอบสวนการกระทำผิดเกี่ยวกับกระบวนการคัดเลือก สว.ทั้งหมด ทุกฐานความผิด ยกเว้นว่า กกต.จะมอบหมายให้องค์กรผู้บังคับใช้กฎหมายองค์กรอื่นดำเนินการเท่านั้น
อารมณ์เดียวกับ คณะกรรมการ ป.ป.ช. รับไต่สวนคดี “บิ๊กโจ๊ก” โดยพนักงานสอบสวนของตำรวจต้องส่งสำนวนให้…แนวๆ นั้น
พ.ร.ป. กกต. มาตรา 49 บัญญัติว่า...
“เมื่อความปรากฏต่อคณะกรรมการ (กกต.) ว่าหน่วยงานของรัฐหรือพนักงานสอบสวนได้รับเรื่องการกระทำความผิดตามกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งและพรรคการเมืองไว้พิจารณา และคณะกรรมการเห็นว่าเป็นการสมควรที่คณะกรรมการจะดำเนินการเองตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ ให้คณะกรรมการมีหนังสือแจ้งให้หน่วยงานของรัฐหรือพนักงานสอบสวนนั้นโอนเรื่องหรือส่งสำนวนการสอบสวนเกี่ยวกับการกระทำความผิดนั้นมาให้คณะกรรมการเพื่อดำเนินการต่อไป…ในกรณีเช่นนี้ให้หน่วยงานของรัฐหรือพนักงานสอบสวนโอนเรื่องหรือส่งสำนวนการสอบสวนในส่วนที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดตามกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งและพรรคการเมืองมาให้คณะกรรมการภายใน 7 วันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งดังกล่าว”
มีการตีความว่า กกต.เป็นผู้มีอำนาจเลือกว่า จะรับคดีมาทำเอง หรือโอนให้หน่วยงานใดทำ รวมถึงดีเอสไอ
และจะว่าไป หนังสือรายงานผลการสืบสวนที่ดีเอสไอ ส่งถึง กกต.เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ตอนท้ายก็มีการสอบถาม กกต. ว่าประสงค์จะรับเรื่องนี้ไว้ดำเนินการสอบสวนเองหรือไม่
นี่คือข้อความท้ายหนังสือ... “กรมสอบสวนคดีพิเศษขอความอนุเคราะห์ ให้ กกต. ได้กรุณาแจ้งยืนยันมายังกรมสอบสวนคดีพิเศษ ภายในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2568 ว่ามีความผิดทางอาญาใดบ้างที่ กกต. ประสงค์จะรับไว้ดำเนินการสอบสวนเอง และความผิดทางอาญาใดบ้างที่ กกต.ประสงค์ จะให้กรมสอบสวนคดีพิเศษเป็นผู้ดำเนินการสอบสวน หรือ กกต. จะรับดำเนินการสอบสวนเองในการกระทำความผิดทางอาญาทุกข้อกล่าวหา ทุกฉบับกฎหมาย หรือประสงค์จะให้กรมสอบสวนคดีพิเศษเป็นผู้ดำเนินการ…”
และคณะกรรมการ กกต. ก็ส่งหนังสือตอบดีเอสไอ เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมานี้เอง ว่า ยังไม่ได้เสนอ กกต.ชุดใหญ่พิจารณาเรื่องนี้ จึงยังตอบไม่ได้
ฉะนั้นก็ต้องรอลุ้นว่า ดีเอสไอจะเชื่อตาม พ.ต.อ.ทวี รับเป็นคดีพิเศษโดยไม่รอ กกต.ชี้ขาดหรือไม่ หรือว่าจะต้องเลื่อนการพิจารณาออกไป เพื่อรอดูท่าทีของ กกต.