นายเกรียงยศ สุดลาภา สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมาธิการศึกษาและติดตามการขับเคลื่อนนโยบายการบริหารราชการรูปแบบพิเศษ ในคณะกรรมาธิการการกระจายอำนาจ การปกครองส่วนท้องถิ่น และการบริหารราชการรูปแบบพิเศษ สภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วยคณะอนุกรรมาธิการฯ แถลงผลการพิจารณาการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 ในกรุงเทพมหานคร ภายหลังอนุกรรมาธิการฯ ได้เชิญผู้อำนวยการสำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร เข้าร่วมการประชุมว่า คณะอนุกรรมาธิการฯ มีความกังวลต่อสุขภาพของเด็กเล็ก และผู้สูงอายุในกรุงเทพฯ แต่ผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ ยังไม่ออกมาตรการเข้มข้นในการรักษาคุณภาพชีวิตประชาชน หรือมีมาตรการเร่งด่วนเพื่อควบคุมปริมาณฝุ่นในกรุงเทพฯ
อนุกรรมาธิการฯ จึงขอเรียกร้องให้ผู้ว่ากรุงเทพฯ ประกาศให้กรุงเทพฯ เป็นพื้นที่ควบคุม ซึ่งเคยประกาศมาแล้วในปี 2562 เนื่องจากฝุ่น PM2.5 วิกฤตพอสมควร เพื่อให้ผู้ว่ากรุงเทพฯ มีอำนาจเต็มในการสั่งปิดสถานประกอบการ หรือไซท์ก่อสร้าง รวมถึงสถานศึกษาชั่วคราว เพื่อลดผลกระทบ จึงถึงเวลาที่ผู้ว่ากรุงเทพฯ จะให้ความสำคัญ และเอาจริงเอาจังกับเรื่องดังกล่าว ตามที่ได้หาเสียงไว้ในการเลือกตั้งผู้ว่ากรุงเทพฯ ที่ผ่านมา
ขณะที่ นางรัศเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี ที่ปรึกษาของรองนายกรัฐมนตรีนายพีระพันธุ์ สาลรัฐวิภาคฯ โฆษกคณะอนุกรรมาธิการฯ ยังระบุว่า อนุกรรมาธิการฯ ได้เสนอกรณีศึกษาการดำเนินการของต่างประเทศ เป็นต้นแบบให้กรุงเทพมหานครได้พัฒนาวิธีการแก้ไขปัญหา PM2.5 ให้เป็นไปในเชิงรุกมากขึ้น โดยขอให้กรุงเทพฯ ยึดหลักปฏิบัติเหมือนประเทศเกาหลีใต้ที่ “คุณภาพชีวิตของประชาชนยิ่งใหญ่กว่าเงินตราที่เสียไป” พร้อมทั้งเสนอให้พิจารณามาตรการปิดไซท์ก่อสร้าง เพื่อเป็นการกดดันรถบรรทุกที่ปล่อยควันดำในทางอ้อม และติดตั้งป้ายเตือนภัยค่าฝุ่น PM2.5 ในบริเวณสถานที่สาธารณะ เช่น ป้ายรถเมล์ ทางเข้าสวนสาธารณะทุกแห่ง เพื่อให้เป็นมาตรการระยะสั้น รวมถึงมาตรการระยะยาวนั้น ให้พิจารณากำหนดเขตมลพิษต่ำ “Bangkok Low Emission Zone”