21 มกราคม 2568 เมื่อเวลา 16.00 น. ที่ ศาลาว่าการ กทม.1 (เสาชิงช้า) นายชัชชาติชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แถลงยกระดับเพิ่มความเข้มข้นมาตรการสู้ฝุ่น PM 2.5 ในพื้นที่ กทม. หลังพบว่าสถานการณ์ฝุ่นมีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่อง
นายชัชชาติ กล่าวว่า จากการพยากรณ์เราทราบว่า ช่วงสัปดาห์นี้จะมีสภาวะการถ่ายเทอากาศที่ต่ำ โดยเฉพาะช่วงวันจันทร์และวันอังคารที่ผ่านมา ซึ่งเป็น 2 วันที่เราประกาศ Work From Home (WFH) ครั้งแรกของปี 2568 และสถานการณ์ฝุ่นจะหนาต่อเนื่องไปจนถึงวันศุกร์นี้ และจะกลับมาดีอีกครั้งในวันเสาร์และวันอาทิตย์ โดยมีสาเหตุมาจาก 2 เหตุผล คือ สภาวะอากาศกดและสภาพการจราจร ในกรุงเทพมหานครที่หนาแน่นจากการปิดกั้นเส้นทางจราจรจากการทำรถไฟฟ้ารถไฟฟ้า และมีการเผาข้ามจังหวัดในพื้นที่ข้างเคียง โดยเฉพาะจังหวัดนครนายกและปราจีนบุรี ซึ่งมีการเผาที่สูงต่อเนื่องคิดเป็น 2 เท่าของปีที่แล้ว ทำให้การคาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นทั้งจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และกรมอุตุนิยมวิทยา น่าจะสูงขึ้นในช่วง 3 วันที่เหลือของสัปดาห์นี้ และจะบรรเทาลงในช่วงวันเสาร์และวันอาทิตย์
นายชัชชาติ เปิดเผยอีกว่า ในวันพฤหัสที่ 23 และวันศุกร์ที่ 24 ม.ค.นี้ ทาง กทม.จะมีการออกมาตรการห้ามรถบรรทุกที่ไม่ได้อยู่ในบัญชีกรีนลิสต์ หรือบัญชีสีเขียว ที่เราได้ลงไว้ว่ารถคันไหนที่มีการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องเปลี่ยนไส้กรองเป็นรถบรรทุก EV เปลี่ยนเป็นเครื่องยูโรห้า หรือใช้เชื้อเพลิงเป็นก๊าซธรรมชาติ LNG ที่ได้ลงทะเบียนกับ กทม.ไว้ ซึ่งจะสามารถวิ่งเข้ามาในเขตวงแหวนชั้นใน และวงแหวนรัชดาภิเษกได้
แต่ถ้าหากรถบรรทุกคันไหนไม่ได้ลงทะเบียนกับเราไว้ ซึ่งมีอยู่ประมาณ 30,000 คัน ก็ห้ามเข้าวิ่งเข้ากรุงเทพฯ โดยเด็ดขาด โดยจะเริ่มทันทีตั้งแต่เช้ามืด (00.01 น.) ของวันพฤหัสที่ 23 จนถึงวันศุกร์ที่ 24 ม.ค.68 (23.59 น.) สำหรับรถคันไหนที่ยังไม่ได้เข้าบัญชีกรีนลิสต์ พรุ่งนี้ยังสามารถมาลงทะเบียนทัน
โดย หลังจากพรุ่งนี้เป็นต้นไป กทม.จะเดินหน้าการตรวจจับรถที่ไม่ได้เข้าบัญชีกรีนลิสต์ด้วยกล้อง CCTV จำนวน 259 ตัวที่อยู่รอบวงแหวน ซึ่งจะตรวจจับทะเบียนรถด้วยระบบ AI ตลอด 24 ชม. ซึ่งช่วงต้นอาทิตย์ที่ผ่านมา กทม.ได้มีการทดสอบระบบและพบว่ามีรถบรรทุกที่ฝ่าฝืนเข้ามา 2,500 คันต่อวัน และเป็นรถที่อยู่ในกรีนลิสต์ประมาณ 400 คัน หรือประมาณ 18 ถึง 19% ของรถบรรทุก
ซึ่งหากตรวจจับรถบรรทุกที่ฝ่าฝืนได้แล้ว กทม.จะรวบรวมส่งหลักฐานปรับ โดยมีโทษปรับเป็นเงิน 2,000 บาท และจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากสืบต่อได้ว่ารถคันดังกล่าวไปให้บริการที่ไซด์งานไหนก็จะตามไปเอาเรื่องที่ไซด์งานนั้นด้วย โดยจะมีการตักเตือนว่ากล่าวและอาจจะยกระดับไปถึงสั่งให้ยุตติการก่อสร้างต่อไป
นายชัชชาติ กล่าวเพิ่มเติมถึงมาตรการห้ามรถบรรทุกเข้าพื้นที่ กทม.ชั้นใน ว่า ความจริงแล้วเราสามารถตั้งด่านได้ แต่ปัญหาคือรถติดมหาศาล และอาจสร้างมลพิษเพิ่มไปอีก ดั้งนั้น จึงใช้กล้อง CCTV 249 ตัวตามทางเข้าวงแหวน ซึ่งสามารถรู้ได้ทันทีหากลักลอบเข้ามา
ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวต่อว่า ความจริงแล้วเราไม่อยากไปจับคน เราอยากสร้างแรงจูงใจ ให้รถเปลี่ยนน้ำมันเครื่องและไส้กรอง ให้มีมาตรฐานดีขึ้น ถ้าหากเราไปบอกว่าห้ามทุกคันเข้าคงไม่มีใครไปเปลี่ยนน้ำมันเครื่องหรือไส้กรอง แบบนี้จะทำให้รถทุกคันไม่สามารถเข้ามาได้ก็อาจกระทบเรื่องเศรษฐกิจ อยากให้ช่วยกัน อย่างที่บอกว่าฝุ่นไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เกือบ 100% ที่เราเจอเป็นฝุ่นที่เกิดจากคนทำขึ้น ทั้งการเผา ชีวมวลเผาผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร จึงอยากขอความร่วมมือจังหวัดใกล้เคียงควบคุมการเผาด้วย ซี่ง กทม. เองเราสั่งห้ามเผาเด็ดขาดแล้ว แต่ยังมีบางจุดที่มีเผาแล้วไฟไหม้ด้วย ซี่ง กทม. เองเราพยายามเข้มงวดที่สุด และหากมีการเผาจะเข้าไปดำเนินการทันที
ส่วนการออกมาตรการ Work From Home (WFH) ครั้งแรกในช่วง 2 วันที่ผ่านมา นายชัชชาติ กล่าวว่า ปีที่แล้วมีคนร่วมมือ 60,000 คน ส่วนปีนี้ยอดล่าสุดคือหลักแสนคน แต่เรื่องการใช้รถใช้ถนนแล้วรถยังติด คงมีหลากหลายปัจจัยด้วย เช่น ปิดถนนสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม ฯลฯ ส่วนตัวมองว่าเราต้องช่วยกัน และเรื่องนี้เป็นเรื่องการขอความร่วมมือไม่ใช่การบังคับ
"การขอความร่วมมือเรื่อง WFH จากนี้ ทาง กทม. คงต้องหาเครือข่ายเพิ่มขึ้น อย่างเช่นบริษัทเองเราก็อยากให้มาเข้าร่วมเยอะๆ สามารถแสดงความจำนงเข้ามาได้ ถ้าหากไม่สามารถ WFH ได้ก็ขอความร่วมมือให้ใช้บริการสาธารณะเพิ่ม อย่างตัวเองก็พยามใช้รถไฟฟ้าหรือปั่นจักรยานมาทำงาน" ผู้ว่าฯ กทม. ระบุ
ผู้ว่าฯ กทม. ระบุด้วยว่า เราได้มีการประกาศขยายระยะเวลา WFH ต่อเนื่องจากวันจันทร์และอังคาร (20-21 ม.ค. 68) โดยขอให้ WFH ในวันพุธถึงวันศุกร์นี้ (22-24 ม.ค.68) ซึ่งหากใครสะดวกร่วม WFH ก็ขอให้ WFH ใครที่ไม่สะดวกก็ขอให้ลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคลและหันมาใช้ขนส่งสาธารณะให้มากขึ้น ส่วนผู้ที่จำเป็นจะต้องออกนอกบ้านควรใส่หน้ากากอนามัยป้องกัน PM 2.5 ทุกครั้ง โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็ก หญิงตั้งครรภ์ คนชรา ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว ได้แก่ โรคภูมิแพ้ โรคปอด โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคไตเรื้อรัง ฯลฯ
สำหรับหน่วยงานในสังกัดกรุงเทพมหานคร ได้มีการให้ WFH แล้วเช่นกัน โดยใช้แนวทางการปฏิบัติราชการที่สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการกรุงเทพมหานคร (สำนักงาน ก.ก.) กำหนดไว้ เช่น การปฏิบัติงาน ณ สถานที่ตั้ง โดยการเหลื่อมเวลาทำงาน, การปฏิบัติงาน ณ สถานที่ตั้ง โดยการนับชั่วโมงทำงาน, การปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง ใช้กับงานวิชาการที่ไม่ต้องติดต่อกับผู้รับบริการหรือบุคคลภายนอกมากนัก และสามารถส่งงานผ่านระบบออนไลน์ได้ เป็นต้น ส่วนการปิดโรงเรียนให้เป็นดุลยพินิจของแต่ละโรงเรียนในการประกาศปิด อย่างไรก็ตาม การขอความร่วมมือหน่วยอื่นที่นอกเหนือจากสังกัดของกรุงเทพมหานคร คงให้เป็นไปตามดุลยพินิจของแต่ละหน่วยงานในการประกาศและดำเนินการ
ผู้ว่าฯ ชัชชาติ ยังกล่าวอีกว่า กทม. ไม่เคยหยุด เราพยายามทำทุกวิถีทาง อย่างฝนหลวงเราก็ได้มีการประสานความร่วมมือกับกรมฝนหลวง มีการรับมอบและส่งต่อน้ำแข็งแห้ง 300 ตัน ด้านการพ่นละอองน้ำ เราได้ดำเนินการทดสอบแล้วปรากฏว่าสถานการณ์ไม่ดีขึ้น ขณะเดียวกันรถฉีดน้ำของเราก็ยังคงออกตลอด เพื่อล้างฝุ่นที่อยู่บนถนน ต้นไม้ ใบไม้ เชื่อว่าหากร่วมมือกัน เช่น ลดการเผา ใช้รถยนต์ที่มีมาตรฐานดีขึ้น หรือคนใช้ขนส่งสาธารณะมากขึ้น ก็จะทำให้สถานการณ์จะดีขึ้นแม้อาจต้องใช้เวลาในการปรับปรุง ในส่วนของร่าง พ.ร.บ. อากาศสะอาด อยากให้ท้องถิ่นมีอำนาจเต็มที่ในการควบคุมมลพิษในสภาวะปกติได้ด้วย ส่วนเรื่องการเผา หากใครพบจุดเผาในกรุงเทพฯ ก็สามารถใช้ Traffy Fondue แจ้งเข้ามาได้
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หากสถานการณ์วิกฤตสามารถใช้อำนาจสั่งหน่วยงานในสังกัด กทม. WFH ได้หรือไม่ นายชัชชาติ บอกว่า ตอนนี้ก็สั่งอยู่ แต่ในส่วนงานราชการอื่นๆ เราไม่สามารถ ซึ่งเรื่องนี้เป็นไปตามดุลย์พินิจของแต่ละหน่วยงาน ส่วนที่รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขจะเสนอ ครม. สั่งให้ WFH นั้น ถือว่าเป็นเรื่องดี ต้องให้หน่วยงานกลางเป็นคนดำเนินการ และในการประชุมร่วมกับนายกรัฐมนตรีเมื่อสัปดาห์ที่แล้วนั้น ก็มีการพูดคุยกันหลายเรื่อง
ส่วนที่นายแพทย์มนูญ ออกมาแสดงความคิดเห็นว่าค่าฝุ่นที่ประเทศไทย ตอนนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตและสุขภาพ หากเทียบกับประเทศจีนหรือประเทศอินเดียเป็นต้น นายชัชชาติ บอกว่า แต่ละที่และแต่ละประเทศอาจไม่เหมือนกัน แต่จากการที่ตนไปวิ่งเมื่อ 2 วันที่ผ่านมา พบว่ามีอาการระคายเคืองคอ ซึ่งแน่นอนว่าฝุ่นมีผลกระทบกับการใช้ชีวิตและสุขภาพ ดังนั้นจึงอยากให้ทุกคนระมัดระวังและตนเองในฐานะที่เป็นผู้ว่าฯ ก็ต้องดูแล
และที่บอกว่า WFH ไม่คุ้มในเรื่องเศรษฐกิจนั้น นายชัชชาติ กล่าวว่า บางบริษัทอาจมีประสิทธิภาพด้วยซ้ำ ที่คนไม่ต้องออกมาติดอยู่ถนนเป็นเวลา 2 ชม. และข้อดีของการ WFH คือไม่ต้องออกมาเจอกับสภาวะนอกบ้านเป็นการใช้ชีวิตอยู่ในบ้าน
นายชัชชาติ ยังกล่าวถึงร่าง พรบ.อากาศสะอาด ด้วยว่า อยากให้ร่างดังกล่าวนี้ให้อำนาจท้องถิ่นเต็มที่ในการสั่งการ ทั้งนี้ ขอย้ำว่า กทม. ต้องทำทุกวิถีทาง จะคิดในแง่ดีมากไม่ได้ ผู้ว่าฯ ต้องเตรียมและทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเพราะคืองานของเรา
ผู้ว่าฯ กทม. ยังบอกด้วยว่า ไม่ได้รู้สึกโดดเดี่ยวที่ต้องแก้ปัญหาเรื่องฝุ่นฝ่ายเดียว เพราะเป็นภารกิจของเรา เราต้องทำให้เต็มที่ และต้องทำให้ดีขึ้นกว่านี้ ตัวเองพยายามคิดหาวิธีตลอด ว่ามาตรการไหนจะช่วยให้เข้มข้นขึ้นได้ สุดท้ายนี้ อย่าหมดหวัง มันต้องดีขึ้น เรามาถูกทางแล้ว
ขอบคุณภาพและข้อมูลบางส่วนจาก : กรุงเทพมหานคร