svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

จับตาผู้นำหญิง "แพทองธาร" เหินฟ้า ร่วมเวทีสุดยอดผู้นำ "APEC 2024" ที่ เปรู

"นายกฯแพทองธาร" เหินฟ้า ร่วมเวทีสุดยอดผู้นำ "APEC " โดยจะแวะ"แอลเอ" เพื่อเป็นประธานการประชุมเอกอัครราชทูต-กงสุลใหญ่ไทยในประเทศแถบอเมริกา ก่อนบินเข้า "เปรู" (ชมคลิป)

10 พฤศจิกายน 2567 "นางสาวแพทองธาร ชินวัตร" นายกรัฐมนตรี มีกำหนดเดินทางไป"นครลอสแองเจลิส" สหรัฐอเมริกา และกรุงลิมา ประเทศเปรู ระหว่างวันที่ 10 ถึง 18 พฤศจิกายนนี้ 

โดยตามกำหนดการ "นายกรัฐมนตรี" จะออกเดินทางจากท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ในคืนวันที่ 10 พฤศจิกายนนี้

จับตาผู้นำหญิง "แพทองธาร" เหินฟ้า ร่วมเวทีสุดยอดผู้นำ "APEC 2024" ที่ เปรู

โดยระหว่างวันที่ 11 ถึง 13 พฤศจิกายน นายกรัฐมนตรี จะไป"นครลอสแองเจลิส" สหรัฐอเมริกาก่อน เพื่อเป็นประธานการประชุมเอกอัครราชทูตไทย และกงสุลใหญ่ไทย ประจำภูมิภาคอเมริกา รวมถึงจะได้พบปะกับชุมชนไทยในอเมริกา และหารือกับผู้แทนระดับสูงของบริษัทเอกชนที่สำคัญในอเมริกา เพื่อเชิญชวนการลงทุนในประเทศไทยด้วย

จากนั้น นายกรัฐมนตรี จะเดินทางต่อไปยังกรุงลิมา ประเทศเปรู เพื่อร่วม"การประชุมผู้นำความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก" หรือ ''APEC2024'' ระหว่างวันที่ 14 ถึง 16 พฤศจิกายนนี้ ซึ่งการประชุม ''APEC'' ในครั้งนี้ ได้จัดขึ้นในหัวข้อ ''Empower Include Grow: เสริมสร้างพลังมีส่วนร่วมเติบโตอย่างยั่งยืน'' ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิด และนโยบายของรัฐบาลไทย ในการมุ่งขยายโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับประชาชน

จับตาผู้นำหญิง "แพทองธาร" เหินฟ้า ร่วมเวทีสุดยอดผู้นำ "APEC 2024" ที่ เปรู

โดยประเทศไทย จะใช้โอกาสการเข้าร่วมประชุม ''APEC'' ครั้งนี้ ผลักดันเขตการค้าเอเชียแปซิฟิก หรือ "F-TAP" (เอฟ-แท็บ) ซึ่งเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืน มีนวัตกรรม และมีความครอบคลุมยิ่งขึ้น สงเสริมการเปลี่ยนทางเศรษฐกิจผ่านการใช้ประโยชน์ทางเทคโนโลยี และนวัตกรรม

''นายกรัฐมนตรี'' ยังมีกำหนดหารือทวิภาคีร่วมกับเขตเศรษฐกิจ ''APEC'' เช่น ร่วมหารือทวิภาคี กับผู้นำเปรู ชิลี รวมถึงผู้นำประเทศในแถบลาตินอเมริกา เพื่อขยายโอกาสการค้าการลงทุน เนื่องจากตลาดลาติน เป็นตลาดใหญ่ มีศักยภาพการขยายตลาดการลงทุนของประเทศไทย และผลักดันความสัมพันธ์ระดับประชาชน ผ่านการนำเสนอซอฟต์พาวเวอร์ไทย พร้อมมีโอกาสพบปะกับผู้บริหารเอกชนชั้นนำ ทั้ง TikTok, Microsoft และ Google ด้วย

แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางไปร่วมประชุมเอเปค ที่นครลิมา ประเทศเปรู

โดย เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจแล้ว นายกรัฐมนตรี จะเดินทางกลับถึงประเทศไทย ในวันจันทร์ที่ 18 พฤศจิกายน


ทั้งนี้ ประเทศไทยเคยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดผู้นำ ''APEC2022''ในปี 2565 ซึ่งถือเป็นการจัดประชุมแบบพบหน้ากันครั้งแรกในรอบ 3 ปี หลังโลกต้องเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 จึงถือเป็นภารกิจสำคัญของประเทศไทยในขณะนั้น ในการต้อนรับผู้นำโลก สำหรับการเป็นเจ้าภาพการประชุม ก่อนที่จะส่งต่อเจ้าภาพการประชุม ในปี 2023 ให้กับสหรัฐอเมริกา 

ในปีที่แล้ว ''นายเศรษฐา ทวีสิน'' อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เข้าร่วมการประชุม ที่นครซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา 

 

"นายกฯ"ตรวจสนามบินก่อนบินไปประชุมเอเปค

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  ก่อนที่ "นางสาวแพทองธาร  ชินวัตร" นายกรัฐมนตรี และคณะ เดินทางเยือนนครลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา และเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 31 และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ณ กรุงลิมา สาธารณรัฐเปรู ระหว่างวันที่ 10 – 18 พฤศจิกายน 2567  

นายกฯแพทองธาร ชินวัตร ประชุมและตรวจเยี่ยมสนามบินสุวรรณภูมิ ก่อนเดินทางไปประชุม เอเปค

ได้ประชุมหารือการเตรียมความพร้อมสร้างความเชื่อมั่น และแผนรับนักท่องเที่ยวในช่วง High Season รวมกับ นายสุริยะ  จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายสรวงศ์  เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ผู้บัญชาการตำรวจสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง  ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว และผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ  ที่ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ 

"นายกรัฐมนตรี" กล่าวว่า การท่องเที่ยวเป็นเรื่องหลักในการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ ถือเป็นนโยบายที่สำคัญมากๆสำหรับประเทศไทยด้วย ดังนั้นทุกส่วนต้องเตรียมพร้อม เพราะ เมื่อเป็นนโยบายหลักก็อยากให้ไทยพัฒนาไปเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวของหลายๆประเทศ ซึ่งต้องยอมรับว่าต่างชาติประทับใจการบริการของประเทศไทยอยู่แล้ว  แต่อย่างไรก็ตามได้เน้นย้ำในเรื่องการดูแลนักท่องเที่ยว ซึ่งเข้าใจดีว่าเจ้าหน้าที่ทำงานหนักอยู่แล้ว โดยเฉพาะในช่วงไฮซีซั่นมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาจำนวนมาก  จึงอยากให้ผู้บังคับบัญชาดูแลในเรื่องนี้ด้วย 

และนอกเหนือจากนี้ การบริการด้านต่างๆเช่น การเช็คอิน อยากให้มีการเตรียมความพร้อมให้เกิดความสะดวกไม่ล่าช้าจนกระทบแผนการท่องเที่ยว  และอยากให้มีการบูรณาการเรื่องของการใช้เทคโนโลยีเพื่ออำนวยความสะดวกและสร้างความรวดเร็วให้กับนักท่องเที่ยว ขณะเดียวกันรัฐบาลพร้อมรับฟังเพื่อสนับสนุนและเข้ามาช่วยเหลือแก้ปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้น 

จากนั้น"นายกรัฐมนตรี" ได้ตรวจเยี่ยมเพื่อสร้างขวัญและกำลังใจ แก่หน่วยงานที่ให้บริการนักท่องเที่ยว และเยี่ยมชมการใช้งานระบบพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล (Biometric) ผู้โดยสารขาออกภายในประเทศ เคาน์เตอร์ของการบินไทย

จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนถึงประเด็นข้อกังวลเกี่ยวกับปัญหาต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องระบบตรวจคนเข้าเมืองที่ก่อนหน้านี้มีปัญหาโดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่าไม่มีเรื่องอะไรให้กังวลเพราะเจ้าหน้าที่แต่ละส่วนทำหน้าที่ดีอยู่แล้ว ส่วนเรื่องระบบขณะนี้มีความพร้อมและได้รับการแก้ไขเรียบร้อยแล้ว 

ส่วนเป้าหมายนักท่องเที่ยวในปีนี้ สระตั้งเป้าให้กลับมามากเข้าปี 2019 ขณะนี้ใกล้เคียง มากแล้ว สืบเนื่องจากที่นายกเศรษฐา ได้ทำเรื่องฟรีวีซ่าทำให้นักท่องเที่ยวขณะนี้เพิ่มขึ้น อย่าง นักท่องเที่ยวอินเดียที่ตอนนี้เพิ่มขึ้น 140% แล้วและกราฟก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆและคาดว่าจะเป็นไปด้วยดี 

ขณะที่แหล่งท่องเที่ยวต่างๆก็ ได้มีการ เตรียมความพร้อมไว้อยู่แล้ว โดยได้มีการ กำชับด้านความ ปลอดภัย และความสะอาด รวมถึงอยากให้ขายเสน่ห์วัฒนธรรมไทยให้ต่างชาติได้รู้จักมากๆ


ซึ่งการเดินทางไปต่างประเทศครั้งนี้ค่อนข้างเป็นเวลานานจึงฝากรองนายกรัฐมนตรีให้ทุกท่าน รวมถึง "นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในเรื่องของการคมนาคมเชื่อมต่อการเดินทางที่ต้องอำนวยความสะดวกกับนักท่องเที่ยวด้วย


ในช่วงท้าย"นายกรัฐมนตรี" ยังได้กล่าว ว่าการเดินทางครั้งนี้ เป็นการไม่เจอลูกนานที่สุดครั้งแรก ลูกร้องไห้แน่

ชมคลิปข่าว >>> จับตา"ผู้นำหญิง"บนเวทีเอเปค 2024