svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"นักวิชาการ'' แนะรัฐบาลตรา พ.ร.ก.ไม่นับอายุความ"คดีตากใบ"

ญาติผู้เสียชีวิต พ้อ! คดีหมดอายุความแต่ความรู้สึกไม่นับอายุ-คนตายถูกกระทำเหมือนไม่ใช่มนุษย์-จี้รัฐบาลขอโทษจากใจจริง หวั่นกระทบสันติสุข 3 จังหวัด - ทนายฯ ชี้"คดีตากใบ" สะท้อนความไม่เป็นธรรมในพื้นที่

20 ตุลาคม 2567  "นายปกป้อง ศรีสนิท"  คณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวเปิดการเสวนาคดีอาญาตากใบขาดอายุความ ความรับผิดชอบใคร จะดำเนินคดีต่อได้หรือไม่? ที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จัดขึ้นว่า ในคดีตากใบนี้ มีการสั่งฟ้องจำเลยในข้อหาฆ่าคนตาย หรือให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายแล้ว แต่จำเลยหลบหนีไปต่างประเทศ ซึ่งคดีใกล้จะขาดอายุความในวันที่ 25 ตุลาคมนี้แล้ว ผลจะทำให้กระบวนการต่าง ๆ ต้องยุติลง

โดยเป็นผลจากกรณีที่จำเลย อาศัยช่องว่าของอายุความคดี หลบหนีไปต่างประเทศ ซึ่งไม่เฉพาะคดีตากใบเท่านั้น แต่ยังมีคดีอื่น ๆ ที่ผู้กระทำผิด อาศัยการหลบหนีไปต่างประเทศ เพื่อหลบหนีการรับโทษ แต่ในต่างประเทศบางประเทศนั้น คดีฆ่าคนตาย คดีฆาตกรรม ซึ่งเป็นคดีร้ายแรงร้ายแรงสูงสุด ทั้งการล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์, อาชญากรรมสงคราม, อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ และอาชญากรรมรุกราน ไม่ให้มีการนับอายุความ หากมีพยานหลักฐาน เมื่อจับผู้ต้องหาได้เมื่อใด ก็สามารถดำเนินคดีต่อไปได้ตามกฎหมาย หรือเมื่อพนักอัยการสั่งฟ้องแล้ว ให้อายุความในคดีสะดุดลง และเริ่มนับใหม่ทันที ดังนั้น อายุความจะนับใหม่ทุกครั้ง เมื่อมีการสั่งฟ้อง 

 "นายปกป้อง ศรีสนิท"  คณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

"นายปกป้อง" เสนอว่า ในอนาคตหากไม่อยากเห็นผู้กระทำผิดอาศัยช่องว่างอายุความคดีหลบหนี และรอขาดอายุความแล้วจึงกลับประเทศ จะต้องมีการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา ให้อายุความในคดีอายุสะดุดลงได้และเริ่มนับใหม่เมื่อมีการสั่งฟ้อง ตามหลักกฎหมายฝรั่งเศส หรือไม่ให้นับอายุความในกรณีที่ผู้ต้องหาหลบหนี เหมือนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่ทำความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ที่ไม่มีการนับอายุความ หากจำเลยหลบหนีคดี 

 

เช่นเดียวกับ "นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล" ผู้ช่วยศาสตราจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่สนับสนุนแนวคิดการไม่ให้นับอายุความกรณีจำเลยในคดีอาญาหลบหนีคดี โดยแนะนำให้คณะรัฐมนตรี อาศัยอำนาจตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 172 ตราพระราชกำหนดแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา ไม่ให้นับอายุความกรณีจำเลยหลบหนี เพื่อรักษาความปลอดภัยของประเทศ และความปลอดภัยสาธารณะในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เนื่องจาก การตราพระราชบัญญัตินั้น ต้องใช้เวลาในการแก้ไข เพราะจะต้องใช้กระบวนการ 2 สภา และในอนาคตจะต้องผลักดันการแก้ไขไม่ให้มีการนับอายุความความผิดที่เจ้าหน้าที่รัฐทำประชาชนถึงแก่ชีวิต หรือการทุจริต ไม่ให้อายุความ หรือสะดุดอายุความ เพื่อเริ่มนับใหม่ เมื่ออัยการสั่งฟ้อง 

"นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล" ผู้ช่วยศาสตราจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ส่วนการจะได้ตัวจำเลยมาขึ้นศาลหรือไม่นั้น นายปริญญา เห็นว่า เรื่องดังกล่าวนี้ ไม่ควรเกิดขึ้นอีก ดังนั้น จะต้องแก้ไขกฎหมาย และหากรัฐบาลดำเนินการอย่างเต็มที่แล้ว แม้ไม่ได้ตัวจำเลย ก็เชื่อว่า ประชาชนจะวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลลำบาก เพราะทำเต็มที่แล้ว แต่หากสังคมเห็นว่า รัฐบาลยังทำไม่เต็มที่ เอื้อประโยชน์ให้กัน เสียงวิจารณ์ หรือข้อกล่าวหา ก็จะมาที่รัฐบาลทันที 

 

ด้าน "นายมูฮัมหมัด สาวาวี อูเซ็ง" น้องชายผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ตากใบ ระบุว่า ตนและและญาติผู้เสียชีวิต รวมถึงประชาชนในพื้นที่ ยังคงต้องหาความยุติธรรมให้กับผู้เสียชีวิต 85 ศพ ซึ่งญาติผู้เสียชีวิต รอคอยความยุติธรรมมาเกือบ 20 ปี และให้เจ้าหน้าที่รัฐเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เพื่อค้นหาผู้กระทำผิด เพียงเพราะประชาชนที่ไปประท้วงเรียกร้องเพื่อหาความยุติธรรม แต่เจ้าหน้าที่รัฐกลับดำเนินการสลายการชุมนุมเหมือนผู้ประท้วงไม่ใช่มนุษย์ และในช่วงเดือนรอมฎอนชาวมุสลิมถือศีลอด ไม่มีเรี่ยวแรงอยู่แล้ว จึงเกิดคำถามคาใจญาติมากมาย ทั้งการเคลื่อนย้าย, สำนวนคดีหาย แต่เมื่อญาติไปฟ้องร้องเอง กลับมีสำนวนคดี และยังมีการปัดความรับผิดชอบ และยิ่งคดีจะหมดอายุความแล้ว รัฐบาลกลับพยายามยื้อไม่แสดงความจริงใจให้ใครมารับผิดชอบ และประชาชน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และญาติผู้เสียชีวิต ก็ต้องอยู่กับความเจ็บปวดต่อ แม้คดีความจะหมดอายุไปไป แต่ความรู้สึกของญาติผู้เสียชีวิตไม่มีอายุความ และญาติผู้เสียชีวิต ได้เพียงสะท้อนกันเอง และจัดงานรำลึกในพื้นที่ ไม่หวังให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะเช่นนี้อีก 

 "นายมูฮัมหมัด สาวาวี อูเซ็ง" น้องชายผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ตากใบ

ส่วนกรณีที่ "นายภูมิธรรม เวชยชัย" รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ออกมาปฏิเสธ ไม่รู้ ไม่ได้เกี่ยวข้องนั้น น้องชายผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ตากใบ บอกว่า ประชาชนไม่ได้โง่ และรู้ เพราะติดตามข่าวตลอด หรือแม้ที่พรรคเพื่อไทยจะออกแถลงการณ์ว่า พลเอกพิศาล วัฒนวงษ์คีรี อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะอดีตแม่ทัพภาคที่ 4 ได้ประกาศลาออกจากพรรคเพื่อไทยไปแล้ว ประชาชนก็ไม่เชื่อว่า พลเอกพิศาล จะลาออกด้วยตนเอง ซึ่งทั้งหมดถือเป็นความเจ็บปวด ที่เมื่อศาลประทับรับฟ้องแล้ว แต่ตำรวจก็ยังไม่สามารถจับตัวจำเลยได้ เป็นความเจ็บปวดเพราะขอแค่ความยุติธรรมให้เกิดขึ้นกับผู้เสียชีวิต จึงขอให้รัฐบาล ได้ออกมาขอโทษจากใจจริง โดยการออกมาขอโทษกับการกระทำต่อเจ้าหน้าที่รัฐในกำกับ หรือที่ผ่านมาจะอ้างว่า มีการขอโทษจากหน่วยงานต่าง ๆ แล้ว แต่ประชาชนในพื้นที่ และญาติผู้เสียชีวิตกลับไม่รู้สึกใด ๆ เพราะมองการขอโทษดังกล่าว เป็นแค่ลมปาก และขอโทษแบบไม่มีความจริงใจ และหากปราศจากความยุติธรรมใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็เชื่อว่า จะไม่เกิดความสันติสุข และสันติภาพในภาคใต้ 

น้องชายผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ตากใบ ยังกล่าวทิ้งท้ายว่า คนที่ไม่ถูกกระทำ ไม่รู้สึก เพราะตอนที่ตนไปรับศพพี่ชายนั้น ยังแทบจำหน้าไม่ได้ เพราะศพทั้งบวม และเหม็นไม่ได้รับการดูแลใด ๆ และทุกศพในหมู่บ้านนั้น ล้วนแล้วคอหักทั้งหมด จึงตั้งข้อสงสัยว่า เหตุใดผู้เสียชีวิตจึงถูกกระทำเหมือนไม่ใช่คน และขอให้รัฐได้เข้าใจว่า แม้คดีจะหมดอายุความ แต่ความรู้สึกของญาติผู้เสียชีวิต ไม่มีวันหมดอายุ 

นายอับดุลกอฮาร์ อาแวปูเตะ ทนายความในคดีตากใบ เห็นว่า คดีตากใบ สะท้อนความไม่เป็นธรรมที่เกิดขึ้นในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งการแก้ไขกฎหมายตามข้อเสนอนั้น ถือเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่ปัญหาหลัก คือ กระบวนการยุติธรรมไม่สามารถอำนวยความเป็นธรรมในพื้นที่ได้ เช่น การไต่สวนการตาย จะต้องนำไปสู่การหาตัวผู้กระทำความผิด ไม่เฉพาะตากใบ แต่หลายคดี การหาตัวผู้กระทำผิด กลับปล่อยให้มีการลอยนวลไปได้ 

นายอับดุลกอฮาร์ อาแวปูเตะ ทนายความในคดีตากใบ

ทนายความในคดีตากใบ ยังตั้งข้อสังเกตว่า คดีตากใบไต่สวนเสร็จในปี 2552 ซึ่งตามขั้นตอน จะต้องส่งสำนวนกลับไปยังอัยการ และพนักงานสอบสวน ก่อนพิจารณาว่า เหตุการณ์การตายที่เกิดขึ้นมีการกระทำผิดอาญาหรือไม่ และหาตัวผู้กระทำผิด เพื่อแจ้งข้อกล่าวหา และดำเนินคดีต่อไป แต่ในคดีกรณีที่เจ้าหน้าที่รัฐอ้างปฏิบัติราชการตามหน้าที่ กลับมีเกราะคุ้มกันในการไต่สวน และการไต่สวนถือเป็นการพิจารณาการตายเบื้องต้นว่า ใครเป็นผู้กระทำ และจะต้องรับผิดชอบหรือไม่ ซึ่งพนักงานสอบสวนจะเป็นผู้เขียนสำนวน และพนักงานสอบสวนในคดีนี้ ก็เห็นว่า เหตุการณ์ตากใบ ไม่ได้เป็นผลจากกระทำความผิดอาญา และผู้ว่าราชการจังหวัดในขณะนั้น ก็เห็นสอดคล้องกัน ทำให้คดีต้องยุติลง แต่ญาติผู้เสียชีวิต ก็ยังรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม จนเมื่อปี 2566 ญาติผู้เสียชีวิต ได้ตัดสินใจฟ้องตรงเพื่อเปิดเผยความจริงตามกระบวนการยุติธรรม ก่อนที่คดีความจะขาดอายุความในวันที่ 25 ตุลาคมนี้