svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

เจ้าอาวาสวัดธรรมิการาม ไม่ขอยุ่งปม ธรณีสงฆ์-สนามกอล์ฟอัลไพน์

เจ้าอาวาสวัดธรรมิการาม ไม่ขอยุ่ง ปม ธรณีสงฆ์-สนามกอล์ฟอัลไพน์ ใครหยิบมาเป็นประเด็นการเมือง จะขออยู่เฉยน่าจะดีที่สุด

จากกรณีที่หลายฝ่ายเริ่มมีการถกเถียงกันเรื่องความผิดด้านจริยธรรม ร้องเรียนนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 อาจถือหุ้น 30 % ในที่ดินธรณีสงฆ์ ก่อนจะถูกเปลี่ยนเป็นสนามกอล์ฟอัลไพน์ โดยศาลได้พิพากษาลงโทษจำคุก 2 ปี กับ นายยงยุทธ์ วิชัยดิษฐ์ เมื่อครั้งเป็นรักษาการปลัดมหาดไทย ได้ลงนามยกที่ดินธรณีสงฆ์เป็นสนามกอล์ฟ 

ซึ่งกรณีบริษัทที่เป็นเจ้าของสนามกอล์ฟอัลไพน์นั้น นายกฯ "อุ๊งอิ๊ง" ต้องไปเช็กดูว่าตัวเองเคยถือหุ้น 30% หรือไม่ เพราะเรื่องนี้อาจจะไม่แตกต่างกับกรณี  "เอ๋" ปารีณา ไกรคุปต์ อดีต สส.พลังประชารัฐ โดนข้อหาจริยธรรมในการได้รับมรดกครอบครองที่ดินไม่ชอบด้วยกฎหมาย จนถูกตัดสิทธิ์การเมืองตลอดชีวิต เมื่อนำมาเทียบเคียงกับสนามกอล์ฟอัลไพน์แล้ว "อุ๊งอิ๊ง" จะรอดหรือไม่"

ที่ดินดังกล่าว สืบเนื่องจากกรณีนางเนื่อม  ชำนาญชาติศักดา ได้มอบที่ดินธรณีสงฆ์ 924 ไร่ ที่ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ให้วัดธรรมการามวรวิหาร หรือ วัดเขาช่องกระจก  อ.เมืองประจวบฯ ต่อมาที่ดินดังกล่าวได้ถูกขายในราคา 130 ล้านบาท และโอนให้กับ บริษัท อัลไพน์ เรียลเอสเตท จำกัด และ บริษัท อัลไพน์ กอล์ฟ แอนด์ สปอร์ตคลับ ต่อมามีการขายที่ดินให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ด้วยมูลค่า 500  ล้านบาท   กระทั่งศาลเห็นว่ามีการโอนที่ธรณีสงฆ์โดยมิชอบ ผู้เกี่ยวข้องมีความผิดวินัยร้ายแรง จึงมีคำสั่งเพิกถอนโฉนดในที่ดินดังกล่าวให้กลับมาเป็นที่ธรณีสงฆ์

เจ้าอาวาสวัดธรรมิการาม ไม่ขอยุ่งปม ธรณีสงฆ์-สนามกอล์ฟอัลไพน์

วันที่ 20 สิงหาคม 2567 พระเทพวชิรสุธี เจ้าอาวาสวัดธรรมิการามวรวิหาร และ เจ้าคณะจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (ธรรมยุต) เปิดเผยว่า ทางวัดจะไม่ขอมีส่วนเกี่ยวข้องกับที่ดินแปลงนี้อีก ผู้เกี่ยวข้องจะทำการอย่างไรก็จะไม่ไปยุ่งเกี่ยว หากรัฐบาลที่มีหน้าที่อย่างไร ก็แล้วแต่จะตัดสินใจตามกฎหมายบ้านเมือง แต่วัดจะไม่ยุ่งเกี่ยว เนื่องจากการขายที่ดินแปลงนี้ เป็นเรื่องที่หลวงพ่อใหญ่ อดีตเจ้าอาวาสองค์ก่อนได้ตัดสินใจทำการผาติกรรม หรือขายไปแล้ว และที่ผ่านมามีตัวแทนกรรมการหลายฝ่ายเข้ามาเจรจา แต่ก็ยืนยันว่าอาตมาทำอะไรไม่ได้   

พระเทพวชิรสุธี  กล่าวว่า ขณะนี้ วัดได้รับดอกเบี้ยเพื่อนำมาใช้จ่ายในวัด จากการซื้อขายที่ดินที่ดูแลโดยมูลนิธิมหามงกุฎราชวิทยาลัย ซึ่งยอมรับว่าดอกเบี้ยที่ได้จำนวนไม่มากเหมือนในอดีต สำหรับกรณีข้อพิพาทจากที่ดินแปลงนี้ ทำให้ญาติโยมมีความเห็นเป็น 2 ฝ่าย  ฝ่ายหนึ่งเห็นว่าขายไปแล้ว ปัจจุบันทางวัดยังใช้เงินที่ได้จากดอกเบี้ย วัดจะเอาที่ดินคืนได้อย่างไร อีกฝ่ายก็อยากให้วัดได้ที่ดินกลับคืน เพื่อนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ของวัด ส่วนตัวแทนสำนักพุทธศาสนาประจำจังหวัด เบื้องต้นก็ยังไม่ทราบเรื่อง ยังไม่ได้ให้คำแนะนำ แต่ทางอาตมาขอยืนยัน ไม่ว่าจะมีใครหยิบยกมาเป็นประเด็นการเมือง หรือเรื่องอื่น อาตมาจะขออยู่เฉยน่าจะดีที่สุด ถ้าหากแสดงความเห็นเรื่องนี้ออกไปอย่างไร ก็อาจจะเกิดความเสียหาย