
"ศาลรัฐธรรมนูญ" เตรียมออกนั่งบัลลังก์ เพื่ออ่านคำวินิจฉัยในคดี"ยุบพรรคก้าวไกล" ตามคำร้องที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.ได้ส่งมายังศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อพิจารณายุบพรรคก้าวไกล พร้อมมีคำสั่งตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล 11 คน ประกอบด้วย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์, นายชัยธวัช ตุลาธน, นางสาวณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์, นายณกรณ์พงศ์ ศุภนิมิตตระกูล, นายปดิพัทธิ์ สันติภาดา, นายสมชาย ฝั่งชลจิตร, นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล, นายอภิชาต ศิริสุนทร, นางสาวเบญจา แสงจันทร์, นายสุเทพ อู่อ้น และนายอภิสิทธิ์ พรมฤทธิ์
สำหรับตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่ได้เข้าร่วมพิจารณาคดีและลงมติในคดีนี้ 9 คน ประกอบด้วย นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ, นายปัญญา อุดชาชน, นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม, นายวิรุฬห์ แสงเทียน, นายจิรนิติ หะวานนท์, นายนภดล เทพพิทักษ์, นายบรรจงศักดิ์ วงศ์ปราชญ์, นายอุดม รัฐอมฤต และนายสุเมธ รอยกุลเจริญ ซึ่งตามรัฐธรรมนูญ 2560 ได้กำหนดให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ประกอบด้วย ตุลาการจำนวน 9 คน
โดยจะต้องมีประสบการณ์จากผู้พิพากษาในศาลฎีกา ซึ่งได้รับการคัดเลือกโดยที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา จำนวน 3 คน, ผู้ซึ่งได้รับการคัดเลือกในที่ประชุมใหญ่ในตุลาการศาลปกครองสูงสุด จำนวน 2 คน, ผู้ทรงคุณวุฒิสาขานิติศาสตร์ 1 คน สาขาวิชารัฐศาสตร์หรือรัฐประศาสนศาสตร์ 1 คน ซึ่งจะต้องดำรงตำแหน่งหรือเคยดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยในประเทศไทย และมีผลงานเป็นที่ประจักษ์, ผู้ทรงคุณวุฒิ จากผู้ที่รับหรือเคยรับราชการในตำแหน่งไม่ต่ำกว่าอธิบดีหรือหัวหน้าส่วนราชการที่เทียบเท่าหรือตำแหน่งไม่ต่ำกว่ารองอัยการสูงสุด เป็นระยะเวลา 5 ปี ไม่ต่ำกว่า 2 คน
ใครเป็นใคร ตามศาสตร์แขนงวิชา เขียนคำวินิจฉัย
ผู้ทรงคุณวุฒิสาขารัฐประศาสตร์ หรือรัฐประศาสนศาสตร์ 1 คน
-นครินทร์ เมฆไตรรัตน์ ประธานศาลรธน.
ศาสตราจารย์ สาขาวิชาการเมืองการปกครอง ฯลฯ
000000000000000
ผู้พิพากษาในศาลฏีกา 3 คน
-อุดม สิทธิวิรัชธรรม
อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฏีกา
ประธานแผนกคดีคำสั่งคำร้องและขออนุญาตฏีกาในศาลฏีกา ฯลฯ
-วิรุฬห์ แสงเทียน
อดีตผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฏีกา
ประธานแผนคดีพาณิชย์และเศรษฐกิจในศาลฏีกา ฯลฯ
-จิรนิติ หะวานนท์
อดีตผู้พิพากษาศาลฏีกา
ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฏีกา ฯลฯ
0000000000000
ผู้ทรงคุณวุฒิ อดีตขรก.ระดับสูง 2 คน
-ปัญญา อุดชาชน
ผู้เชี่ยวชาญด้านคดีและวิชาการ สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ
อดีตเลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญฯลฯ
-นภดล เทพพิทักษ์
อดีตรองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ
เอกอัครราชทูต กรุงไคโร/ เวลลิงตัน / เวียงจันทน์ ฯลฯ
000000000000
ตุลาการศาลปกครองสูงสุด 2 คน
-บรรจงศักดิ์ วงศ์ปราชญ์
อดีตตุลาการศาลปกครองสูงสุด
หัวหน้าคณะศาลปกครองสูงสุดฯลฯ
-สุเมธ รอยกุลเจริญ
อดีตตุลาการศาลปกครองสูงสุด
รองประธานศาลปกครองสูงสุด
0000000000
ผู้ทรงคุณวุฒิสาขานิติศาสตร์ 1 คน
-อุดม รัฐอมฤต
อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
อดีตกรรมการกฤษฏีกา
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2567 ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ได้มี"มติเป็นเอกฉันท์" วินิจฉัยการกระทำของพรรคก้าวไกล ทั้งการเสนอชื่อของ สส.เพื่อแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 รวมถึงการหาเสียงในการรณรงค์แก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และพฤติกรรมอื่น ๆ ของกรรมการบริหารพรรค และแกนนำต่อประเด็นดังกล่าว ทั้งการชุมนุมเกี่ยวกับการยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ในทุกครั้ง พร้อมแสดงความคิดเห็นให้แก้ไขและยกเลิก ผ่านการแสดงความเห็นทางการเมืองทุกครั้ง และใช้ตำแหน่ง สส.เป็นนายประกันต่อจำเลยในคดีความผิด มาตรา 112
จึงถือได้ว่า "พรรคก้าวไกล" และผู้ถูกร้อง มีพฤติการณ์ที่จะแสดงออกที่จะลดทอนมาตรา 112 ลง เพื่อสร้างความชอบธรรม ซ่อนเร้น ผ่านกระบวนการสภาผู้แทนราษฎร และรณรงค์หาเสียงทางการเมืองให้ประชาชนทั่วไป หากประชาชนซึ่งไม่รู้เจตนาแท้จริง อาจหลงไปกับนโยบายของพรรคก้าวไกลได้ และการกระทำของพรรคก้าวไกล มีพฤติการณ์เสื่อมทราม เซาะกร่อน บ่อนทำลาย ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยว่า การกระทำของพรรคก้าวไกล และผู้ถูกร้องเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพ เพื่อล้มล้างระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และสั่งการให้เลิกการกระทำ การพิมพ์ การโฆษณา เพื่อให้ยกเลิก มาตรา 112 อีกทั้งไม่ให้มีการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ด้วย
องค์คณะคดียุบพรรค เคยพิจารณา คดีพิธาถือหุ้นไอทีวี
นอกจากนั้น ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2567 ตุลาการศาลรัฐธรมนูญได้มีมติเสียงข้างมาก 8 ต่อ 1 วินิจฉัย สมาชิกภาพ สส. ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ไม่สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3) จากกรณีถือครองหุ้นบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) จำนวน 42,000 หุ้น เนื่องจาก ไอทีวี ไม่ได้ประกอบกิจการสื่อแล้ว และยังคงสถานะบริษัทไว้ เพื่อต่อสู้คดีกับสำนักปลักสำนักนายกรัฐมนตรี รวมถึงไม่ได้มีรายได้จากการประกอบกิจการสื่อมวลชน ดังนั้น นายพิธา จึงไม่มีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ
โดยมติตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เสียงข้างมาก จำนวน 8 เสียง ที่เห็นว่า "นายพิธา" ไม่มีลักษณะต้องห้าม ประกอบด้วย นายวรวิทย์ กังศศิเทียม อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ในฐานะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญในขณะนั้น ก่อนหมดวาระ, นายปัญญา อุดชาชน, นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม, นายวิรุฬห์ แสงเทียน, นายจิรนิติ หะวานนท์, นายนภดล เทพพิทักษ์, นายบรรจงศักดิ์ วงศ์ปราชญ์ และนายอุดม รัฐอมฤต
ขณะที่ ตุลาการเสียงข้างน้อย 1 คน คือ "นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์" ประธานศาลรัฐธรรมนูญคนปัจจุบัน เนื่องจาก เห็นว่า บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ยังเป็นบริษัท ที่ประกอบกิจการหนังสือพิมพ์ หรือสื่อมวลชนใด ๆ ในวันที่นายพิธา ลงรับสมัครเลือกตั้ง เพราะการเลิกบริษัท ต้องเป็นมติที่ประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้น หรือล้มละลาย หรือมีคำสั่งของศาลให้เลิกบริษัท การนี้ เมื่อบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ยังไม่ดำเนินการใด ๆ อันจะถือได้ว่ามีเจตนาที่จะเลิกบริษัท ก็ยังต้องถือว่า มีเจตนาที่จะยังดำเนินกิจการที่เกี่ยวข้องกับสื่อมวลชน อันเป็นวัตถุประสงค์หลักที่ได้จดทะเบียนกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้ากระทรวงพาณิชย์
ดังนั้น เมื่อ "นายพิธา" ยังคงมีชื่อปรากฎอยู่ในสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นของบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) นับตั้งแต่วันที่ 5 กันยายน 2550 เรื่อยมาจนกระทั่ง เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2566 ซึ่งเป็นวันที่นายพิธา โอนหลักทรัพย์บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) จำนวน 42,000 หุ้น ให้นายภาษิณ ลิ้มเจริญรัตน์ กรณีนี้ จึงต้องถือว่า นายพิธา เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) นับตั้งแต่วันที่ 5 กันยายน 2550 จนถึงวันที่ 25 พฤษภาคม 2566 ข้อโต้แย้งของผู้ถูกร้องในข้อนี้จึงฟังไม่ขึ้น และเมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง ในฐานะผู้ร้อง ได้ออกประกาศให้วันที่ 14 พฤษภาคม 2566 เป็นวันเลือกตั้ง สส. และกำหนดให้วันที่ 4 เมษายน 2566 ถึงวันที่ 7 เมษายน 2566 เป็นวันสมัครรับเลือกตั้ง สส.ซึ่งในวันที่ 4 เมษายน 2566 พรรคก้าวไกล ได้ยื่นบัญชีรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้ง สส.บัญชีรายชื่อ ต่อ กกต.
โดยมีชื่อ "นายพิธา"อยู่ในบัญชี ลำดับที่ 1 และในวันดังกล่าว นายพิธา ยังเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ซึ่งประกอบกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด ๆ อันเป็นลักษณะต้องห้าม ไม่ให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง สส.ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (3) กรณีจึงเป็นเหตุให้สมาชิกภาพของ สส.ของนายพิธา สิ้นสุดลง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3)
ทั้งนี้ หากในวันที่ 7 สิงหาคมนี้ ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งยุบพรรคก้าวไกล พร้อมตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรคฯ ก็จะส่งผลกระทบต่อตำแหน่ง "รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1" ที่ "นายปดิพัทธ์ สันติภาดา" สส.พิษณุโลก พรรคเป็นธรรม ในฐานะอดีตกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล ที่ดำรงตำแหน่งอยู่ ซึ่งอาจจะต้องมีการคัดเลือกใหม่ในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร รวมถึงตำแหน่ง "ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร" ที่ยังจะต้องรอว่า หัวหน้าพรรคคนใหม่ ในนามพรรคสำรองของพรรคก้าวไกลจะเป็นใคร