svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"วิโรจน์" จี้ นายกฯแจง หลัง"เว็บทำเนียบ"เสนอปม"ยุบพรรค"

"วิโรจน์" ห่วงท่าที "คารม" ใช้ช่องทางรัฐบาล วิจารณ์คดียุบพรรคก้าวไกล มองชี้นำ-กดดันศาลรัฐธรรมนูญ จี้ "เศรษฐา" ชี้แจง ลั่นฝ่ายบริหารไม่ควรยุ่งกับองค์กรอิสระ

5 สิงหาคม 2567   ที่กองทัพอากาศ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณี นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกสำนักนายกรัฐมนตรี ให้ข่าววิจารณ์ปมคดียุบพรรคก้าวไกล ว่า พรรคก้าวไกลเคารพคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว แต่กังวลท่าทีของ นายคารม ซึ่งเป็นรองโฆษกรัฐบาล มากกว่า และคิดว่าเป็นข่าวไม่จริง จนกระทั่งพบข่าวนี้ในเว็บไซต์ของสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ช่องทางในการเผยแพร่ข่าวของรัฐบาล หมายความว่าการพูดของนายคารม พูดในนามรองโฆษก หรือกองโฆษกของรัฐบาล หากลองฟังที่นายคารมให้สัมภาษณ์ มีลักษณะชี้นำ และข่มขู่ศาลรัฐธรรมนูญ หากศาลรัฐธรรมนูญไม่กล้ายุบพรรค พร้อมกับเขียนถึงเงื่อนไขหลายข้อ 

 

ทั้งนี้ การกระทำดังกล่าว "ศาลรัฐธรรมนูญ"ต้องพิจารณา ว่าเข้าข่ายการชี้นำศาล หรือกดดันศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ ซึ่งคนที่จะต้องออกมาตอบคำถามนี้คือ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ว่า อนุญาตให้กองโฆษกออกมาให้ข่าวในลักษณะที่อาจทำให้สังคมเข้าใจได้ว่า เป็นการสร้างเงื่อนไข ชี้นำ และข่มขู่ ศาลรัฐธรรมนูญได้อย่างไร เพราะเวลาที่พรรคก้าวไกลแถลงข่าว มักจะพูดถึงข้อกฎหมาย ข้อเท็จจริง และแนวทางการสู้คดี แต่ไม่เคยมีการชี้นำศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งการชี้นำศาลรัฐธรรมนูญนั้นมีอยู่ 2 องค์ประกอบหลัก คือ ต้องตัดสินแบบนี้ หรือ หากศาลรัฐธรรมนูญไม่ตัดสินแบบนี้  จะต้องเจอแบบนี้ ซึ่งคำพูดเหล่านี้ไม่เคยออกมาจากปากใครของพรรคก้าวไกล เพราะฉะนั้นคนที่ต้องออกมาตอบคำถามนี้ คือ "นายเศรษฐา" นายกรัฐมนตรี 

เมื่อถามว่า การกระทำลักษณะนี้ยิ่งเป็นการตอกย้ำให้เห็นว่า การยุบพรรคก้าวไกล เป็นเรื่องการเมืองหรือไม่ นายวิโรจน์ ตอบว่า ก็คิดแบบนั้นได้ แต่ขอวิงวอนให้นายเศรษฐา ได้ออกมาชี้แจง เพราะข่าวดังกล่าวไม่ได้เกิดมาจาก สำนักข่าวต่างๆ แต่มาจากเว็บไซต์ของสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เพราะฉะนั้นการใช้กองโฆษกของรัฐบาลมาสื่อสาร เป็นลักษณะที่ประชาชนอาจจะเข้าใจได้ว่า เป็นการชี้นำ กดดัน สร้างเงื่อนไขให้กับศาลรัฐธรรมนูญ  ซึ่งมองว่า อำนาจบริหารไม่ควรก้าวก่ายองค์กรอิสระ

วิโรจน์ ลักขณาอดิศร  สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล

 

ส่วนข้อกล่าวหาที่ถูกมองว่า ดึงต่างชาติเข้ามายุ่งเกี่ยวในกระบวนการนั้น นายวิโรจน์ ถึงกับร้องโอ้โห ก่อนกล่าวว่า ขอตั้งคำถามว่า หากจะปิดไม่ให้มีการสื่อสารกับองค์กรสากลใดๆเลยนั้น อยากจะปิดประเทศกันหรือไม่ บอกว่าควรให้ความสำคัญกับเนื้อหาที่สื่อสาร หากเนื้อหาที่สื่อสาร เป็นเนื้อหาที่ถูกต้องตามกฎหมายแล้วจะกลัวอะไร ย้ำว่า ประเทศไทยเป็นประเทศเปิด โอลิมปิคยังส่งนักกีฬาไปแข่งขันเลย วันนี้จะปิดประเทศแล้วหรือ เพราะฉะนั้นการสื่อสารกับองค์กรสากล สถานฑูต เนื้อหาที่สื่อสารนั้นมีความถูกต้องชอบธรรม ตามหลักกฎหมายไทยและตามหลักกฎหมายสากล ไม่เห็นมีตรงไหนที่จะต้องนั่งกังวล เพราะนายกรัฐมนตรีก็เดินสายอยู่บ่อยๆ
 

นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญ นัดฟังคำวินิจฉัยในคดียุบพรรคก้าวไกล ในวันที่ 7 สิงหาคมนี้ ว่า เป็นวันปกติ และคิดงานไปจนถึงวันที่ 8-9 สิงหาคม ยาวไปจนถึงเดือนกันยายนแล้ว เชื่อว่า ภายใต้นิติรัฐ นิติธรรม และที่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกลชี้แจงเรื่องข้อกฎหมาย รวมทั้งเอกสารที่กกต. ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ เป็นเท็จ คลาดเคลื่อนกับข้อเท็จจริง และการที่นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้ชี้แจง หรือความกรุณาของ นายสุรพล นิติไกรพจน์ ที่มาเป็นพยานในคดีให้ ซึ่งถือว่าเป็นนักนิติศาสตร์ที่ได้รับการยอมรับ และไม่มีใครออกมาโต้แย้งแม้แต่คนเดียว มีแต่ข่าวที่ทำให้ตนรู้สึกเสียใจ คือ นายสุรพล กำลังจะถูกปลดจากการเป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมายของ กกต. ซึ่งส่วนตัวไม่ทราบว่า เป็นจริงหรือเท็จ แต่ก็รู้สึกชื่นชมในความกล้าหาญ ในจริยธรรม ที่ปกปักรักษาศักดิ์ศรีของความเป็นนักนิติศาสตร์ และนักกฎหมาย 

 

"วิโรจน์" จี้ นายกฯแจง หลัง"เว็บทำเนียบ"เสนอปม"ยุบพรรค"

 

เมื่อถามว่า หากพรรคก้าวไกลถูกยุบพรรคอาจจะไม่มีงูเห่า แต่อาจจะมีลักษณะของการฝากเลี้ยง นายวิโรจน์ บอกว่า เลือกแบบนี้สุดท้ายก็จะดูออกว่าฝากเลี้ยงไว้ เหมือนที่ตัวเองแซวว่าเป็นหนอน ส่วนตัวเชื่อว่าเป็นงูคงไม่มี เพราะดินฟ้าอากาศทางการเมือง ไม่มีความจำเป็นขนาดนั้น เพราะรัฐบาลก็ได้เสียงข้างมากไปแล้ว และก็ได้เห็นบทเรียนของงูเห่าชุดหนึ่งไปแล้ว นอกจากจะไม่ได้รับการเลือกตั้งกลับมา ยังถือว่าเป็นความด่างพล้อยของวงศ์ตระกูล บางคนยังไปไหนมาไหนไม่ได้ ลูกหลานต้องเปลี่ยนนามสกุลด้วยซ้ำ  อีกทั้งความเชื่อของนักการเมืองรุ่นเก่า ที่บอกว่าการเมืองแบบใหม่ทำไม่ได้ หากไม่มีเงินมาแจก มีแต่งานมาแลก สุดท้ายต้องใช้ทรัพยากรอยู่ดี พรรคก้าวไกลก็พิสูจน์มาแล้วว่ามันเป็นไปได้ และแนวโน้มเหมือนจะดีขึ้น จึงคิดว่างูเห่าไม่มี ส่วนฝากเลี้ยงเชื่อว่า ประชาชนดูออกจากการโหวต และท่าทีทางการเมือง

 

"นายวิโรจน์" ยังกล่าวถึงเพื่อน สส. พรรคก้าวไกลด้วย ว่า ทุกคนพูดถึงกันแต่เรื่องงาน และที่เชื่อมั่นว่าจะไม่มีงูเห่า ตนเคยผ่านการยุบพรรคอนาคตใหม่มาแล้ว สถานการณ์จะอยู่ในภาวะที่เงียบกริบ จะรู้ข่าวจากภายนอก แต่ครั้งนี้รู้ข่าวจากภายในผ่านการพูดแซวกัน ว่าคนนั้นได้รับสาย ก็สะท้อนให้เห็นว่า หากมีการพูดแซวกัน ก็หมายความว่า ไม่ได้ไปแน่นอน สุดท้ายก็เป็นเรื่องที่พูดแซวกันมากกว่า และคนที่มาทาบทามก็ลักษณะเหมือนกับโยนหินถามทางแค่นั้นเอง

 

"วิโรจน์" จี้ นายกฯแจง หลัง"เว็บทำเนียบ"เสนอปม"ยุบพรรค"

 

เมื่อถามถึงรายชื่อที่หลุดออกมาว่าเตรียมจะย้ายไปพรรคอื่น "นายวิโรจน์" บอกว่า แล้วแต่จะรังสรรค์ปั้นแต่ง ตนเชื่อว่าผู้ที่ปล่อยเรื่องนี้ออกมา พยายามทำให้สส.พรรคก้าวไกล แตกคอ แตกแยกกัน เพราะบางครั้งเห็น สส.ก้าวไกล ไปคุยกับพรรคอื่น ทุกคนภายนอกก็จะเอามาปล่อยข่าวโพสต์นั่นโพสต์นี่ เป้าหมายก็คือการสร้างความไม่ไว้วางใจ เพราะฉะนั้นก็ได้ประชุมแล้วพูดคุยกันว่า ขออย่าไปสนใจ หากมัวแต่ไม่ไว้ใจกัน ทำงานใหญ่ไม่ได้ เพราะคนที่ไปสุดท้ายก็ไป ให้ความสำคัญกับคนที่อยู่ดีกว่า