พรรคการเมืองที่ถูกพูดถึงคู่กันกับประชาธิปัตย์ใน “ดีลลับปรับ ครม.” ครั้งนี้ แต่เป็นในแนว “ข่าวลบ - ข่าวร้าย” ก็คือ พรรคพลังประชารัฐ เพราะมีข่าวว่า การปรับ ครม.ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นตั้งแต่ปักษ์หลังของเดือนสิงหาคมเป็นต้นไป พรรคพลังประชารัฐเป็นฝ่ายที่ต้องเก็บข้าวของออกจากรัฐบาล แล้วเชื้อเชิญพรรคประชาธิปัตย์มาเสียบแทน
แต่ความประหลาดทางการเมืองก็คือ “สูตรปรับ ครม.” ที่เรียกกันว่า “สูตรรัฐบาลรวมชาติ” ทั้งพรรคที่ถูกเขี่ยออก และพรรคที่ดึงมาเสียบแทน ล้วนไม่ได้ “ไปและมา” แบบทั้งพรรค
หากพิจารณาตามข่าวที่ออกมาก็คือ...
เกิดคำถามว่า การเมืองไทยจะเดินหน้ากันไปด้วยสูตรรัฐบาลรวมชาติ “ฉบับพิสดาร” แบบนี้หรือ?
เมื่อข่าว “เขย่าสูตร ครม.” หลุดออกมา มีความเคลื่อนไหว 2 ทางจากฝั่งพรรคพลังประชารัฐ
ทางที่หนึ่ง
คนใน “สายบ้านป่า” ยืนยันว่า “เป็นข่าวปล่อยขู่ลุง” จริงๆ ใช้คำว่า “ข่าวปล่อยขู่คนแก่” พร้อมย้ำว่าสูตรการเมืองแบบนี้ เป็นไปไม่ได้ สาเหตุเพราะการร่วมรัฐบาลต้องร่วมทั้งพรรค ไม่ใช่ผ่าครึ่ง หรือผ่าซีกแบบนี้ หากไม่ไปทั้งพรรค ก็ต้องขับฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยออก แต่เงื่อนไขการขับออกจากพรรค เป็นเรื่องยาก
ประชาธิปัตย์ ฝ่ายที่อยู่ตรงข้ามกลุ่มที่อยากเข้าร่วมรัฐบาล แม้เป็นเสียงข้างน้อย แต่ก็เป็น “ปูชนียบุคคล” เป็น “สัญลักษณ์” ของพรรค และหากกลุ่มนี้ไม่ได้ทำอะไรผิดข้อบังคับ แค่ไม่เห็นด้วยกับการร่วมรัฐบาล แต่ไม่ได้แสดงออกก้าวร้าว รุนแรง หรือกระทำอะไรที่ไม่เหมาะสม ก็ไม่มีเหตุในการขับออกได้
รัฐบาลเพื่อไทยก็จะมี “ฝ่ายค้านในรัฐบาล” ใช้เอกสิทธิ์ สส.อภิปรายเขย่า-ดิสเครดิตได้เป็นระยะ อยู่ไม่เป็นสุข
พลังประชารัฐ “ลุงป้อม” ซึ่งเป็นเป้าหมายการกดดันให้ถอยออกไป เป็นเจ้าของพรรคพลังประชารัฐตัวจริง หาก สส.และกรรมการบริหารพรรคสาย “ผู้กอง” จะขับ “ลุงป้อม” ออกจากพรรค ถามว่าทำได้จริงหรือไม่ และกล้าทำหรือไม่
ส่วนฝั่ง “ลุงป้อม” ไม่ขับกลุ่มผู้กองออกอยู่แล้ว เพราะไม่อยากให้ไปเสวยสุขกับเพื่อไทย ก็จะปล่อยให้คาไว้แบบนี้ แล้วฝ่ายตัวเองก็เล่นเกม “ฝ่ายค้านในรัฐบาล” ไปเรื่อยๆ มีจังหวะก็เขย่า มีจังหวะก็นวด และรอโอกาสทิ้งหมัดน็อก
ดังนั้นเกมนี้จึงไม่ง่าย และคนใน “สายบ้านป่า” จึงมองว่าเป็นแค่ “ข่าวปล่อยขู่ลุง” เท่านั้น ไม่มีอะไรมากกว่านี้ และทำอะไรมากกว่านี้ก็ไม่ได้ด้วย
ทางที่สอง
มีข่าวจาก สส.พลังประชารัฐ และเพื่อไทย ไม่อยากเสียโควตาเก้าอี้ไปให้ประชาธิปัตย์ จึงเริ่มมีการต่อสาย จับมือกันหลวมๆ เพื่อ “สกัด ปชป.” กันแล้ว เพราะการเข้ามาของประชาธิปัตย์ จะกระทบโควต้า ครม.ของพรรคร่วมรัฐบาลแน่นอน
ก่อนหน้านี้ ตอนมีข่าวปรับ ครม.ครั้งแรก ก็มีประเด็นว่า อาจจะขอให้ภูมิใจไทย กับเพื่อไทย สละเก้าอี้รัฐมนตรีพรรคละเก้าอี้ เพื่อมอบให้ประชาธิปัตย์ตามโควต้า “1 ว่าการ 1 ช่วย”
แต่ข่าวปรับ ครม.ครั้งนี้ พรรคที่ถูกเฉือนคือพลังประชารัฐ ซึ่งก็น่าคิดว่าจะโดนเฉือน 2 เก้าอี้ หรือแค่ 1 เก้าอี้ (ควบตำแหน่งถ้ารัฐมนตรีคนเดียวกัน นับเป็น 1)
ปัจจุบัน พลังประชารัฐมีรัฐมนตรี 4 คน 5 ตำแหน่ง คือ
หากเขี่ย “ลุงป๊อด” ออกไป ได้โควต้ารัฐมนตรี 1 คน แต่ 2 ตำแหน่ง คือ รองนายกฯ ควบ รมว.ทส. แต่โควต้าประชาธิปัตย์ที่จะมาเสียบแทน จะได้รัฐมนตรี 2 คน คือ “1 ว่าการ 1 ช่วย”
ถามว่าอีก 1 เก้าอี้ จะเอามาจากที่ไหน เพราะถ้าตัวเลข สส.เป็นไปตามข่าว สส.กลุ่มผู้กอง มีถึง 27 คน จะตัด รมช.ออกอีก 1 ตำแหน่ง ทำให้เหลือรัฐมนตรีแค่ 1 ว่าการ 1 ข่วย เท่ากับประชาธิปัตย์ที่เข้ามาร่วมรัฐบาลพร้อมเสียง สส. 21 เสียง ก็คงไม่เป็นธรรม
งานนี้จึงอาจมีพรรคอื่นโดนเฉือน เช่น ภูมิใจไทย หรือ รวมไทยสร้างชาติ ซึ่งมีตำแหน่ง รมช.ว่างอยู่ 1 ตำแหน่ง (แทนนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ อดีต รมช.คลัง ที่ลาออกไป)
หรือสุดท้ายจะต้องยอมเฉือนโควต้าเพื่อไทย ซึ่งยังว่าง รมต.ประจำสำนักนายกฯ อีก 1 ตำแหน่ง แทนคุณพิชิต ชื่นบาน เช่นกัน
ที่ผ่านมาเก้าอี้ รมต.ที่มีอยู่ ก็แทบจะตบตีกันตายอยู่แล้ว หากต้องเฉือนไปให้ประชาธิปัตย์ ย่อมไม่มีใครยอม ไม่ว่าจะเป็น เพื่อไทย ภูมิใจไทย รวมไทยสร้าง หรือพลังประชารัฐ
งานนี้ไม่มีใครยอมเสียสละแน่ และหาก “นายใหญ่ตบโต๊ะ “ก็จะเป็นปัญหาในพรรคร่วมรัฐบาล หรือไม่ก็เป็นปัญหาในพรรคเพื่อไทย กลายเป็นคลื่นใต้น้ำอีกระลอกแน่นอน