จากกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดวินิจฉัยคดียุคพรรคก้าวไกลในวันที่ 7 ส.ค. 2567 นี้
หลายคนอาจจะคิดว่า นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล และแกนนำก้าวไกลบางคน พูดเพื่อสร้างกระแส หรือปลอบใจตัวเองหรือเปล่า ที่ย้ำว่า พรรคก้าวไกลจะไม่ถูกยุบ
โดยปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นก็คือ
1.ส่งคนใกล้ชิด และ สส. สอบถามไปยังบุคคลสำคัญในแวดวงต่างๆ รวมทั้งสื่อกระแสหลักที่มีสถานะเป็น "ผู้นำทางความคิดของสังคม" ว่าพรรคก้าวไกลจะถูกยุบหรือไม่
นัยหนึ่ง เพื่อซาวเสียงผู้นำความคิดทางสังคม
อีกนัยหนึ่ง แจ้งให้ผู้ที่ถูกถามทราบว่า แกนนำพรรคก้าวไกลมั่นใจว่าพรรคจะไม่ถูกยุบ
คนใกล้ชิดที่เดินสายสอบถามผู้คนในแวดวงต่างๆ เป็นระดับ "ตัวติดกันกับผู้นำจิตวิญญาณหมายเลข 1" เลยทีเดียว
2.แกนนำก้าวไกล และผู้นำจิตวิญญาณเชื่อว่า การที่ศาลรัฐธรรมนูญไม่เปิดไต่สวนด้วยวาจา ถือว่าส่งผลดี เป็นข่าวบวกของพรรค ทำให้ยิ่งมั่นใจว่าพรรคจะไม่ถูกยุบ สาเหตุหนึ่งอาจเป็นเพราะเกรงใจ อาจารย์สุรพล นิติไกรพจน์ จึงไม่เปิดไต่สวน และน้ำหนักคำโต้แย้งของอาจารย์สุรพล ถือว่าฟังขึ้น
(อธิบายเพิ่มเติม สำหรับประเทศที่ใช้ commom law หรือหลักกฎหมายจารีต อิงตามคำพิพากษาศาลสูง จะยึด rule of law หรือหลักนิติธรรม เป็นหลักในการบังคับใช้กฎหมาย ส่วนประเทศที่ใช้ civil law รวมถึงระบบประมวลกฎหมาย จะให้ความสำคัญกับ due process of law - สำหรับไทยใช้ระบบผสม)
4.แกนนำก้าวไกล และผู้นำจิตวิญญาณ เชื่อว่า "ผู้มีอำนาจตัวจริงในบ้านเมือง" โดยเฉพาะฝ่ายอนุรักษ์นิยม ไม่ไว้วางใจอดีตนายกฯทักษิณ และไม่เชื่อว่าจะควบคุมได้ หากกลับมามีอำนาจเต็มมือเหมือนเดิม จึงต้องเก็บพรรคก้าวไกลเอาไว้ต่อรอง หรือกดดันอดีตนายกฯ
เหตุนี้เอง ระดับแกนนำพรรค และผู้นำจิตวิญญาณ จึงส่งสัญญาณตรงกัน "มั่นใจไม่ยุบ" ซึ่งเรื่องนี้จะส่งผลทางอ้อมเป็นการ "ปลุกขวัญกำลังใจ" ของ สส. และแฟนคลับ รวมถึงการ "ดึงรั้ง" สส. ไม่ให้ไขว้เขวไปตามแรง "ดูด" ของพรรคใหญ่ฟากรัฐบาล ที่ต้องการ สส.ก้าวไกลไปเติมเสียงหลังพรรคถูกยุบ
เพราะเมื่อสร้างความเชื่อมั่นได้ สส.ก็จะไม่รวนเร และเลือกอยู่กับพรรคต่อไป ไม่กลายเป็นผึ้งแตกรังเร็วเกินไป
นักวิเคราะห์มองสวนทาง "ยุบก้าวไกล-ทำลายพิธา"
ความเชื่อมั่นของแกนนำและผู้นำจิตวิญญาณก้าวไกล สวนทางกับนักวิเคราะห์การเมืองหลายราย ที่ให้น้ำหนักว่า ก้าวไกลจะถูกยุบพรรค มากกว่ารอด
เหตุผลของการยุบ ไม่ใช่ยุบเพื่อทำลายก้าวไกล เพราะรู้ดีว่าทำลายไม่ได้ หนำซ้ำอาจจะโตขึ้นอีก แต่ต้องยุบ เพื่อหยิบ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ออกจาก "ผู้นำแถวหน้า" เนื่องจากคนที่มีพลังทางการเมืองระดับนายพิธา ซึ่งเรียกว่าเป็น 1 ใน 10 ล้าน (หมายถึง สิบล้านคน จะมีแบบนี้สัก 1 คน) เป็นเรื่องยากเกินไปที่ฝ่ายอนุรักษ์นิยมจะหาใครมาสู้ได้ จึงต้องหยิบออกไป ให้ไปอยู่แถวหลัง จากนั้นแม้พรรคใหม่ของก้าวไกลจะโตขึ้น แต่ก็จะไม่ก้าวกระโดดเหมือนมีนายพิธา กุมบังเหียนอยู่
นี่คือเหตุผลที่แท้จริงที่ต้องยุบก้าวไกล เพราะถ้าไม่ยุบ ก็ไม่มีช่องทางหยิบคุณพิธาออกจากสมการการเมืองได้
ติดตามบทวิเคราะห์นี้แบบเต็มๆ ในรายการ "ขอเวลานอก" หลังจบรายการข่าวข้นคนข่าว คืนนี้ (21 ก.ค. 67) เวลา 4 ทุ่มตรง ทาง "เนชั่นทีวี" (ช่อง 22)