svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"หมอเกศ"อ่วม. แพทยสภา เล็งสอบ "จริยธรรมทางการแพทย์"

จับตา "แพทยสภา" ถกปม คุณวุฒิ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ "หมอเกศ" หลังพบข้อความกล่าวอ้างในเอกสารแนะนำตัวผู้สมัครสว. 8 สิงหาคมนี้ ด้าน"หมอเกศ" ปรากฎตัวสภารอบสองปัดสัมภาษณ์สื่อมวลชน

19 กรกฎาคม 2567  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคมที่ผ่านมา "แพทยสภา" ได้มีการประชุมแพทยสภา ครั้งที่ 7 มีมติให้ตรวจสอบ คุณวุฒิแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหลายรายในโฆษณา รวมถึง ตรวจสอบความเชี่ยวชาญทางการแพทย์ ของวุฒิสมาชิก ที่ปรากฏในสื่อ (" หมอเกศ"  เกศกมล  เปลี่ยนสมัย  สมาชิกวุฒิสภา กลุ่มที่ 19  ) หากไม่ถูกต้อง มีมติให้ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ทั้งนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ โดยจะมีการประชุมกันอีกครั้งในวันที่ 8 สิงหาคมนี้  

 

อย่างไรก็ตาม " หมอจ๊วด"  "พล.อ.ท. นพ.อิทธิพร คณะเจริญ" เลขาธิการแพทยสภา  โพสต์ข้อความขยายประเด็นการตรวจสอบเรื่องนี้โดยขึ้นหัวข้อว่า  "94 ความเชี่ยวชาญแพทย์ไทย และการแอบอ้างความเชี่ยวชาญ "
 

แพทยสภาชวนมารู้จักความเชี่ยวชาญของแพทย์ไทย ที่ถูกต้องตามกฎหมาย ดังนี้ครับ 
 

1.แพทยสภาเป็นผู้กำกับดูแล หลักสูตรความเชี่ยวชาญของแพทย์ไทยด้านต่างๆ ผ่านราชวิทยาลัยแพทย์และวิทยาลัยแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญ ทั้ง 15 แห่ง และ 1 สมาคมเวชศาสตร์ป้องกันฯ เป็นผู้กำหนดมาตรฐาน โดยมีคณะแพทยศาสตร์และสถาบันฝึกอบรมต่างๆเป็นผู้ จัดการเรียนการสอน ภายใต้มาตรฐานเดียวกัน
 

2. แพทยศาสตร์บัณฑิต ที่จบการศึกษา 6 ปี ถือว่าเป็นแพทย์ทั่วไปยังไม่มีความเชี่ยวชาญใดๆ ต้องเข้าโปรแกรมการฝึกอบรมต่อ แพทย์ประจำบ้าน อีก 3 ถึง 7 ปี จึงเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ตามกฎหมาย โดยต้อง สอบผ่านได้รับ หนังสืออนุมัติหรือวุฒิบัตรก่อน ถึงจะใช้คำว่าแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ โดยสามารถตรวจสอบ ชื่อและความเชี่ยวชาญ ของแพทย์แต่ละท่าน ได้ที่เว็บไซต์แพทยสภา www.tmc.or.th หัวข้อตรวจสอบแพทย์

 

\"หมอเกศ\"อ่วม. แพทยสภา เล็งสอบ \"จริยธรรมทางการแพทย์\" \"หมอเกศ\"อ่วม. แพทยสภา เล็งสอบ \"จริยธรรมทางการแพทย์\" \"หมอเกศ\"อ่วม. แพทยสภา เล็งสอบ \"จริยธรรมทางการแพทย์\"

3.ปัจจุบันมีความเชี่ยวชาญ ที่ได้รับวุฒิบัตรและหนังสืออนุมัติ ตามกฎหมาย 94 สาขา (2567) เป็นสาขาหลัก 41 สาขาและอนุสาขา 53 สาขา ภายใต้อนุกรรมการฝึกอบรมและสอบ ของราชวิทยาลัยและสมาคม (ตามเอกสารแนบ) โดยมีระยะเวลาการ อบรม ตั้งแต่ 3 - 5 ปี ในสาขาหลัก(สีฟ้า) และเรียนต่ออนุสาขา เพิ่มอีก 2 ปี(สีดำ) ปัจจุบันมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ กว่า 40,000 คนจากแพทย์ทั่วประเทศ 76,000 คน โดยจบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญปีละกว่า 2,000 คน

 

4. การอบรมระยะสั้นหรือฝึกอบรมโดย สถาบันวิชาการต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ ที่ไม่ได้รับการรับรองโดยแพทยสภา เป็นการอบรมเพื่อเพิ่มความรู้ นั้น แม้ได้รับประกาศนียบัตรจากองค์กร ไม่สามารถใช้คำว่า เป็นผู้มีความรู้ความชำนาญเฉพาะสาขาหรือ ผู้เชี่ยวชาญตามกฎหมายได้ เช่นเดียวกับ แพทย์จะโฆษณาว่าทำมานานจำนวนมากรายแล้วจะโฆษณา เป็นผู้เชี่ยวชาญไม่ได้ ต้องผ่านการอบรมมาตรฐานเท่านั้น 

5. การอ้างเป็นผู้ชำนาญการเฉพาะสาขาหรือผู้เชี่ยวชาญถือเป็นความผิด ตามกฎหมาย ทั้งข้อบังคับ จริยธรรมแพทยสภา และพรบ. วิชาชีพเวชกรรม ดังนี้ 
 

5.1 กรณีเป็นแพทย์จะผิดข้อบังคับจริยธรรม ถูกตั้งคณะกรรมการจริยธรรม สอบสวนข้อมูล และมีมติกรรมการแพทยสภาลงโทษ มีโทษตั้งแต่ตักเตือน ภาคทัณฑ์ พักใช้ใบอนุญาตจนถึงเพิกถอนทะเบียน ใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม ซึ่งอยู่ ในอำนาจแพทยสภา และมีลงโทษ แทบทุกเดือน
 

5.2 ผิดกฎหมายเป็นคดีบ้านเมืองต่อจาก คดี 5.1 คือผิดตามพรบ.วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ. 2525 มาตรา 28 ซึ่งมีโทษตามมาตรา 44 คือจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับ ไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ  และหากมีความเสียหาย ต่อผู้ป่วยจะเป็นคดีแพ่งและอาญาต่อไป จะเป็นการดำเนินคดีโดยตำรวจ หลังผิด 5.1
 

6. ดังนั้นการอ้าง หรือโฆษณาต่อประชาชน ว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญ 1 ใน 94 สาขา โดยไม่ได้จบการศึกษาจริง ถือเป็นความผิด และการอ้างสาขา ความเชี่ยวชาญที่ไม่ได้อยู่ใน 94 สาขาตาม กฎหมาย โดยตั้งขึ้นใหม่ ตามประสบการณ์ตนเอง เพื่อประโยชน์ ในการโฆษณา เป็นความผิดเช่นกัน เช่นผู้เชี่ยวชาญด้าน ความงาม ผิวพรรณ ร้อยไหม ปรับโครงสร้างใบหน้า ฯลฯ ซึ่งมีผู้แจ้ง เป็นเรื่องร้องเรียนและดำเนินคดีกันทุกเดือน ถ้าพบเห็นส่งหลักฐานแจ้งทางเว็บไซต์แพทยสภาได้ครับ
 

7.ในการประชุมแพทยสภา ครั้งที่ 7 วันที่ 11 กรกฎาคม 2567 ได้มีมติให้ตรวจสอบ คุณวุฒิแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหลายรายในโฆษณา รวมถึง ตรวจสอบความเชี่ยวชาญทางการแพทย์ ของวุฒิสมาชิก ที่ปรากฏในสื่อ หากไม่ถูกต้อง มีมติให้ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ทั้งนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ
 

8.สำหรับ สาขาที่มีการสอบถาม จาก ประชาชนบ่อยครั้งว่าเป็น สาขาเชี่ยวชาญหรือไม่ เช่น ชะลอวัย ความงาม  เสริมสวย เหล่านี้ ยังไม่อยู่ใน 94 สาขาความเชี่ยวชาญ ที่แพทยสภา รับรองตามกฎหมาย จึงไม่สามารถใช้คำว่า เชี่ยวชาญ ด้านความงาม หรือ เสริมสวย หรือ ชะลอวัยได้ คุณหมอโปรดตรวจสอบและระมัดระวังด้วย

 

\"หมอเกศ\"อ่วม. แพทยสภา เล็งสอบ \"จริยธรรมทางการแพทย์\"
ด้านความเคลื่อนไหว "หมอเกศ"  เกศกมล เปลี่ยนสมัย สมาชิกวุฒิสภา ได้งดให้สัมภาษณ์สื่อ โดยแจ้งผ่านทนายเดชา คลายทุกข์ว่า "เรียนพี่น้องสื่อมวลชนคุณหมอเกศกมล แจ้งมายังทนายเดชาว่าไม่มีความประสงค์ที่จะให้สัมภาษณ์หรือให้ข้อมูลใดๆกับสื่อมวลชนอีกต่อไป "

 

"หมอเกศ" โผล่สภาฯ ยื่นเอกสารเพิ่มเติม ปัดตอบสื่อทุกคำถาม


วันเดียวกัน ( 19 กรกฎาคม 2567 ) ที่อาคารรัฐสภา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า "พญ.เกศกมล เปลี่ยนสมัย" หรือ “หมอเกศ” ส.ว.กลุ่ม 19 ผู้ประกอบวิชาชีพ ผู้ประกอบอาชีพอิสระ ได้เดินทางมารัฐสภา ซึ่งถือว่าเป็นครั้งที่ 2 ในการเข้าสภาแบบลับ หลังจากที่มารายงานตัว โดยสื่อมวลชนได้ไปเจอพญ.เกศกมล บริเวณห้องอาหารรัฐสภา ซึ่งอยู่กับนายณัฐวัชร จันทโรธรณ์ ผู้สมัครสวกลุ่ม 15 จังหวัดนนทบุรี และเป็นอาจารย์ประจำหลักสูตรสาขาการจัดการองค์การยุคใหม่มหาวิทยาลัยเกริก โดยนายณัฐวัชร กล่าวว่า พญ.เกศกมล มาพบตนเรื่องส่วนตัวและตั้งใจจะดื่มกาแฟด้วยกัน 

 

จากนั้น "พญ.เกศกมล" พยักหน้ารับหลังผู้สื่อข่าวสอบถามว่าวันนี้มายื่นเอกสารเพิ่มหรือไม่ พร้อมปฏิเสธที่จะตอบคำถามของสื่อมวลทั้งการชี้แจงเพิ่มเติมหลังสังคมออกมาวิพากษ์วิจารณ์เรื่องวุฒิการศึกษา และใบแนะนำตัวเข้าข่ายการหลอกลวงหรือไม่ รวมถึงกรณีที่ ทางแพทยสภา มีมติตั้งข้อกล่าวหา ว่า "พญ.เกศกมล"  ผิดพ.ร.บ.วิชาชีพ กรณีอ้างว่าเป็นแพทย์ผู้เชียวชาญด้านผิวพรรณและความงาม เพียงยิ้มตอบรับในทุกคำถามเท่านั้น 

 

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงหนึ่งที่สื่อมวลชนได้พบกับพญ.เกตุกมลและพยายามสัมภาษณ์ ทีมงานของพญ.เกศกมล ที่เดินมาด้วยกันพยายามบอกให้หมอเกศรับโทรศัพท์มือถือพร้อมทั้งบอกว่าผู้ใหญ่โทรมา ทั้งที่หน้าจอโทรศัพท์มืดสนิท ไม่ปรากฎว่ามีสายเข้า จากนั้น "พญ.เกศกมล" ได้เดินปรี่ไปขึ้นลิฟท์เพื่อหนีการสัมภาษณ์ของสื่อ