svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"วิโรจน์" ฉะปมตีตกซื้อเรือฟริเกต เมินกระแสถูกยุบพรรค จัดหนักปม "ทักษิณ"

10 มีนาคม 2567
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"วิโรจน์" ฉะรัฐบาล ตีตกซื้อเรือฟริเกต ปัดเกี้ยเซี๊ยะกองทัพ มั่นใจก้าวไกลมีอำนาจนิติบัญญัติสแกนอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ เมินกระแสยุบพรรค ทำ สส.แตกรัง จัดหนักปม "ทักษิณ" มีสิทธิพิเศษ ชี้ต้องแก้โครงสร้าง ไม่สร้างความขัดแย้ง ทำให้ประเทศไทยมีมาตรฐานเดียว

10 มีนาคม 2567 นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานกรรมาธิการทหาร สภาผู้แทนราษฎร กล่าวภายหลังงานสัมมนา "การใช้พื้นที่ทหาร บทบาทหน้าที่ของทหารกับท้องถิ่นในการพัฒนาประเทศ" ถึงท่าทีของตนเอง ที่เปลี่ยนไป ที่มีท่าทีเกี้ยเซี๊ยะกับกองทัพ โดยยืนยันว่า ไม่ใช่การเกี้ยเซี๊ยะ (แอบมีข้อตกลงทางผลประโยชน์) แต่อยู่ที่เนื้อหาสาระ

อย่างกรณีเรือฟริเกต ซึ่งที่ผ่านมากองทัพเรือ ก็มีการชี้แจงอย่างละเอียด และให้คำยืนยันชัดเจนว่า หากไม่ได้ประมาณในครั้งนี้ ก็อาจจะต้องเลยไปในปี 2569 แต่รัฐบาล กลับตีตกงบประมาณดัวกล่าว จึงน่าเสียดาย และน่าผิดหวังมาก เพราะงบประมาณ 17,000 ล้านในการจัดซื้อ จะทำให้เกิดเงินหมุนเวียนในเศรษฐกิจหลายพันล้าน และน่าจะเป็นการต่อเรือขนาดใหญ่ 3,900 ตันครั้งแรกในไทย ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อวิศวกรรมการต่อเรือในประเทศมาก ถือเป็นโอกาสการพัฒนาอุตสาหกรรมการพัฒนาประเทศ

สะท้อนว่า นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ไม่ได้ให้ความสำคัญเรื่องดังกล่าวเลย 
 

นายวิโรจน์ ยังกล่าวถึงกรณีที่พรรคก้าวไกลยื่นญัตติด่วนขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาการใช้อำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ โดยมั่นใจว่า การเสนอญัตติตั้งกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาขอบเขตอำนาจขององค์กรใด ๆ ตามรัฐธรรมนูญ เป็นอำนาจนิติบัญญัติ และเป็นหน้าที่โดยชอบของฝ่ายนิติบัญญัติ และเป็นคำถามจากสังคมที่มีต่อองค์กรอิสระ อย่างศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งไม่ใช่อำนาจบริหาร ตุลาการ และนิติบัญญัติ แต่กลับใช้อำนาจล้นเกิน และก้าวก่าย 3 อำนาจหลัก พัวพันทำให้สังคมสงสัยอำนาจองค์กรอิสระ และตุลาการพัวพันกันหรือไม่ จึงถือเป็นการใช้อำนานหน้าที่ตามฝ่ายนิติบัญญัติในการพิจารณา

พร้อมยืนยันว่า ไม่ใช่การเอาคืนศาลรัฐธรรมนูญ แต่เป็นคำถามในใจประชาชน ที่ สส.ควรทำหน้าที่ตั้งกรรมาธิการฯ ขึ้นมาศึกษา ซึ่งตนเองมั่นใจว่า สามารถทำได้ 

ส่วนการขอตั้งกรรมาธิการดังกล่าว จะเป็นตัวเร่งปฏิกริยาให้พรรคก้าวไกล ถูกยุบเร็วขึ้นหนือไม่นั้น นายวิโรจน์ มองว่า ตนเองไม่ได้คิดว่าเป็นตัวเร่ง หรือไม่ได้ถูกเร่ง แต่การยุบพรรคด้วยความไม่สมเหตุผลแล้ว ประชาชนยอมรับได้ ก็ขอให้ผู้ถืออำนาจนอกระบบทำเลย เพราะพรรคก้าวไกล ทำงานในลักษณะตอบคำถามในใจประชาชนที่ซ่อนอยู่ และเป็นคำถามไม่เป็นผลดีต่อการทำให้ประเทศอยู่ในความสงบ ภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระกษัตริย์อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ ดังนั้น จึงต้องใช้อำนาจนิติบัญญัติ เพื่อคลี่คลายข้อสงสัยประชาชน

นายวิโรจน์ ยังกล่าวถึงกรณีที่ในสัปดาห์หน้า กกต.จะพิจารณาคดียุบพรรคก้าวไกลว่า ขอให้เป็นหน้าที่ กกต. พรรคก้าวไกลมีความพร้อมทุกวัน ตั้งแต่สมัยพรรคอนาคตใหม่แล้ว และไม่กังวล สส.จะย้ายพรรคหากมีการยุบพรรคด้วย เพราะเงื่อนไขดังกล่าว พรรคก้าวไกลคุยกับ สส.ตั้งแต่เป็นผู้สมัครแล้ว และจุดจบของงูเห่า ก็พบจุดจบเป็นตัวอย่างที่ผ่านมาทุกตัว

นายวิโรจน์ ยังกล่าวถึงเนื้อหาการอภิปรายทั่วไปรัฐบาลของฝ่ายค้าน ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ที่ฝ่ายค้านจะยื่นญัตติในสัปดาห์หน้าว่า มีหลายประเด็น อาทิ ความคืบหน้าการดำเนินการตามคำแถลงนโยบายที่ให้ไว้ต่อรัฐสภา และการดำเนินการมีประสิทธิภาพ และคุ้มค่าหรือไม่ รวมถึงจะมีการเสนอแนะสิ่งที่รัฐบาลควรดำเนินการ แต่ยังไม่ได้ทำ และปัญหาสังคมที่กระทบต่อประชาชน เช่น มาเฟียข้ามชาติ อิทธิพลท้องถิ่น การเรียกรับผลประโยชน์ของข้าราชการ ทุนสีเทาต่าง ๆ แก๊งส์คอลเซ็นเตอร์ พนันออนไลน์ ยาเสพติด และการคุกคามเสรีภาพสื่อมวลชน การใช้อำนาจรัฐอย่างไม่มีนิติรัฐนิติธรรม มีหลายมาตรฐาน 

ส่วนการเดินทางกลับไปจังหวัดเชียงใหม่ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกนัฐมนตรีนั้น นายวิโรจน์ เห็นว่า เป็นเรื่องของนายทักษิณ ซึ่งพรรคก้าวไกลไม่ได้สนใจนายทักษิณ แต่สนใจเนื้อหาสาระ และสิ่งที่นายทักษิณได้รับเป็นสิทธิพิเศษ เฉพาะที่นายทักษิณจะได้รับหรือไม่ หรือเป็นสิทธิที่บุคคลอื่นพึงได้รับด้วย 

ส่วนจะนำมาสู่การกลับประเทศของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีด้วยหรือไม่นั้น นายวิโรจน์ รพยุว่า ยังจะต้องรอดู แต่สังคมไทยได้รับบาดเจ็บจากการนำบุคคลมาเป็นเงื่อนไขความขัดแย้งมากพอแล้ว และปัญหาไม่ได้อยู่ที่ตัวบุคคล แต่อยู่ที่โครงสร้าง พร้อมยืนยันว่า พรรคก้าวไกล ไม่เคยมีความคิดนำบุคคลใดบุคคลหนึ่ง มาไว้ท่ามกลางความขัดแย้ง เพื่อสร้างความขัดแย้งในสังคม เพื่อทำให้สังคมแตกแยกอีกครั้ง

แต่พรรคฯ จะมุ่งแก้โครงสร้าง วิพากวิจารณ์ และผลักดันการแก้ไขสาระเป็นหลัก ดังนั้น นายทักษิณ และนางสาวยิ่งลักษณ์ ไม่ได้อยู่ในสาระบบคิดของพรรค แต่พรรคให้ความสนใจ ใส่ใจสิ่งที่นายทักษิณได้รับ ที่คนอื่นควรได้รับด้วย และนายทักษิณ ควรได้รับความยุติธรรม ไม่ใช่ได้รับอภิสิทธิ

ส่วนความเหมาะสมการลงพื้นที่ดังกล่าวที่จะมีการพบปะประชาชนในตลาดด้วยนั้น นายวิโรจน์ เห็นว่า จะต้องสอบถามกรมราชทัณฑ์ เพราะไม่ใช่หน้าที่พรรคก้าวไกลที่จะมาตอบคำถามนี้

นายวิโรจน์ ยังกล่าวถึงข้อวิพากษ์วิจารณ์ที่พรรคก้าวไกล ไม่แตะประเด็นนายทักษิณ และนางสาวยิ่งลักษณ์ จะเป็นการตกลงผลประโยชน์ระหว่างกันว่า หากดูบทบาทแล้ว ตนคิดว่า ไม่ได้เป็นการเกี้ยเชี๊ยะ หรือตกลงผลประโยชน์ ยังคงจัดหนัก จัดเต็ม พร้อมมองว่า สังคมไทยควรหลุดจากการนำบุคคลใดบุคคลหนึ่ง และมาวางท่ามกลางความขัดแย้ง และยุประชาชนให้ทะเลาะกัน จึงควรใช้เนื้อหาสาระเป็นหลัก 

พรรคก้าวไกล ยืนยันว่า จะไม่ทำวิธีการเก่า ๆ เช่นนั้น เพื่อทำให้ประเทศถอยหลัง และจะแก้โครงสร้าง ไม่ใช่เพ่งโทษไปที่ตัวบุคคล และเห็นด้วย หากจะนำทักษิณโมเดล มาใช้กับนักโทษการเมืองคนอื่น ๆ ตามมาตรฐาน เพราะในยุคที่นายทักษิณถูกดำเนินการอย่างไม่เป็นธรรม มวลชนคนเสื้อแดงต่อสู้ในบริบท 2 มาตรฐาน แต่วันนี้ ตนเชื่อว่า การต่อสู้ดังกล่าวยังคงอยู่ ที่คำว่า 2 มาตรฐานยังคงหลอกหลอน เพราะประเทศไทยต้องการมาตรฐานเดียว 
 

logoline