"เศรษฐา" ชี้ปมพิพาท "อุทยาน-ส.ป.ก." ต้องจบด้วยกระบวนการกฎหมาย

22 กุมภาพันธ์ 2567 จากประเด็นปัญหาที่ดิน สปก. ทับซ้อนกับกรมอุทยาน กำลังขยายวงกลายเป็นความขัดแย้งระหว่างกระทรวงและหน่วยภายที่รับผิดชอบในเรื่องดังกล่าว 

โดย "นายเศรษฐา ทวีสิน" นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เปิดเผยว่าถึงประเด็นนี้ ว่า ภายหลังที่เมื่อวานนี้ (21ก.พ.) ได้เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาหารือที่ทำเนียบรัฐบาล ก็ได้มีการพูดคุยไปแล้ว และเมื่อวานก็มีการแถลงข่าวไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งก็เป็นไปตามกฎเกณฑ์ที่พูดไว้

ส่วนกรณีที่ "นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร" ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ ที่ออกมาเปิดเผยว่ามีการบุกรุกพื้นที่อุทยานฯ กว่า 1.5 แสนไร่นั้น ยืนยันว่าจะเป็นจำนวนเท่าไหร่ก็ตาม แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย และเป็นไปตามแนวทางที่ได้หารือเมื่อวันที่ 21 ก.พ. ที่ผ่านมา เพราะการพูดคุยเมื่อวานนี้ก็ดีอยู่แล้ว 

 

ขณะที่ "นายจตุพร บุรุษพัฒน์" ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายชัยวัฒน์ ที่ออกมาระบุถึงเรื่องนี้ว่า การแถลงเมื่อวันที่ 21 ก.พ. ที่ผ่านมา เป็นข้อตกลงระหว่างกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กับสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ว่าจะกลับไปสำรวจทั้งหมดที่ ส.ป.ก.ไปปักหมุด แล้วรายงานกลับเข้ามา แต่ขอให้หยุดปักหมุดเพิ่มก่อน และให้สำรวจที่ออกประกาศไปแล้ว

อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้จะเร่งรัดเรื่องดังกล่าวให้เร็วที่สุด ซึ่งภายในสัปดาห์นี้ทั้งสองหน่วยงานจะหารือกัน และหากเป็นการออกประกาศทับพื้นที่อุทยานฯ ก็จะต้องยกเลิกเหมือนที่ "ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า" รมว.เกษตรและสหกรณ์ พูดไว้ว่าป่าอนุรักษ์ออกไม่ได้อยู่แล้ว ต้องถอยและคืนให้เป็นพื้นที่ป่าอนุรักษ์ไป รวมถึงพื้นที่เขตติดต่อนั้น ส.ป.ก. ก็ระบุว่า จะไม่ออกประกาศให้แล้ว คืนพื้นที่ให้กับ ทส. 

ส่วนที่มีการปักหมุด ส.ป.ก.ไปแล้วนั้น ย้ำว่าจะต้องไปดูว่า หากเป็นป่าหรือเป็นอะไรต้องคืนหมด โดยหลังจากนี้การออกพื้นที่ ส.ป.ก. จะต้องมีเจ้าหน้าที่ของส่วนราชการอื่นเข้าไปด้วย ไม่ใช่ ส.ป.ก.ไปหน่วยงานเดียวไม่ได้ ต้องเชิญหน่วยงานที่ดูแลที่ดินของรัฐไปดูทั้งหมด ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นของเจ้าหน้าที่มากกว่าที่ไม่รอบคอบ โดยการเมืองไม่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ 

สำหรับการแถลงข่าวร่วมกันระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กับ ทส. หลายคนตั้งข้อสังเกตว่าจะไม่จบ เพราะนายชัยวัฒน์ ไม่ได้มานั่งแถลงด้วยนั้น นายจตุพร กล่าวว่า "ไม่มี เพราะอธิบดีกรมอุทยานฯ มาร่วมแถลง ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรงของนายชัยวัฒน์ ไม่น่ามีปัญหาอะไร จากนี้ต้องยึดถือมาตรการที่วางร่วมกัน"

เมื่อถามย้ำว่า หลังจากนี้นายชัยวัฒน์ยังสามารถเดินหน้าตรวจสอบเรื่องนี้ได้อยู่ใช่หรือไม่ นายจตุพร กล่าวว่า เป็นเรื่องปกติ เพราะพูดชัดว่าให้สำรวจพื้นที่ ส.ป.ก. ที่ออกไปแล้ว และพื้นที่ติดแนวเขตอุทยาน หากเป็นป่าอนุรักษ์ไม่สามารถออกเป็น ส.ป.ก.ได้อยู่แล้ว ส่วนที่มีปัญหา ก็ให้คณะกรรมการกลางดูอยู่

ผู้สื่อข่าถามต่อว่า ที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าข้าราชการไม่สามารถดำเนินการเองได้ หากไม่มีผู้มีอำนาจเหนือกว่าสั่งการ นายจตุพร กล่าวว่า ไม่มี เรื่องนี้เป็นเรื่องของคณะกรรมการระดับจังหวัด ส่วนการยกเลิก ส.ป.ก.ในพื้นที่ที่มีปัญหา จะต้องไปเอาผิดข้าราชการที่ออกประกาศ ส.ป.ก.ดังกล่าวด้วยหรือไม่นั้น ต้องดูเป็นกรณีไป ถ้าออกโดยไม่ถูกต้องตามระเบียบก็ต้องว่าไปตามนั้น