svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"ชัยธวัช" มองทุกคนควรมีสิทธิเหมือน "ทักษิณ" ได้ประกันคดี112

20 กุมภาพันธ์ 2567
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"ชัยธวัช ตุลาธน" มองทุกคนสมควรได้รับสิทธิอย่างเท่าเทียมกับการประกันตัวในคดี112 เหมือน "ทักษิณ" ย้ำขอรวมข้อเท็จจริงก่อนตัดสินใจยื่นซักฟอกรัฐบาลหรือไม่

KEY

POINTS


 

20 กุมภาพันธ์ 2567 กลายเป็นประเด็นที่สังคมกำลังจับตาและให้ความสนใจ โดยเฉพาะการปล่อยตัว "นายทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี ให้ได้รับการพักโทษ ภายหลังเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ นานกว่า 120 วัน ก่อนจะปรากฏภาพให้เห็นเมื่อวันที่ 18 ก.พ. ที่ผ่านมา จนถูกตั้งคำถามถึงความสองมาตรฐานต่อกระบวนการยุติธรรม รวมไปถึงการถูกดำเนินคดีในมาตรา 112 หลังจากวานี้ (19ก.พ.) ได้เข้ารายงานตัวต่อสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา ก่อนจะได้รับการประกันตัวไปวงเงิน 5 แสนบาท พร้อมทั้งนัดฟังคำสั่งในวันที่ 10 เม.ย.นี้

โดย "นายชัยธวัช ตุลาธน" สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า การที่นายทักษิณ ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว หลังอัยการยังไม่สั่งฟ้องคดีดังกล่าว ซึ่งส่วนตัวยังเชื่ออาการป่วยของนายทักษิณ ในขั้นวิกฤต ไม่ใช่เหตุผลสำคัญที่นายทักษิณ ได้รับการประกันตัว แต่การประกันตัวโดยพื้นฐานพรรคสนับสนุนให้ทุกคนได้รับสิทธิทางกระบวนการยุติธรรม จึงควรมีการปฏิบัติอย่างเท่าเทียม และเป็นเรื่องทั่วไปสำหรับทุกคนที่ถูกกล่าวหาในคดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ด้วย




 

มั่นใจควรเปิดข้อมูลอาการป่วยให้สังคมคลายสงสัย

ทั้งนี้ ยังเห็นว่าอัยการไม่ใช่ผู้ที่มีอำนาจในการวินิจฉัยอาการป่วยที่ได้รับการพักโทษ แต่เหตุผลสำคัญ คือ นายทักษิณ มีเหตุผลทางการแพทย์ที่ได้รับการพักโทษหรือไม่ ซึ่งผู้ที่เกี่ยวข้องทั้ง รมว.ยุติธรรม แพทย์ กรมราชทัณฑ์ รวมถึงผู้เกี่ยวข้อง ควรออกมาเปิดเผยข้อมูลว่า นายทักษิณได้รับสิทธิโดยชอบอย่างไร หรือหากแพทย์ไม่ยอมออกมาเปิดเผย รัฐบาล ราชทัณฑ์ รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และครอบครัว ก็ควรออกมาเปิดเอกสารทางการแพทย์ หากมั่นใจว่ากระบวนการที่เกิดขึ้นถูกต้องตามกฎหมาย

อย่างไรก็ตาม วานนี้ (19 ก.พ.) "นายภูมิธรรม เวชยชัย" รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ ก็ออกมาเปิดเผยว่า นายทักษิณ มีการอักเสบที่หัวไหล่ เพราะหากรัฐบาลสื่อสารให้ชัดเจน สังคมจะหมดความสงสัย เพราะเรื่องดังกล่าวไปตอกย้ำความรู้สึกคนไทย ที่มีการเลือกปฏิบัติ ที่บางคนใช้กระบวนการนิติรัฐแบบอภิสิทธิ์ชน ดังนั้น การคืนความเป็นธรรมให้กับนายทักษิณ ไม่ควรตอกย้ำด้วยกระบวนการยุติธรรมสองมาตรฐาน 

ส่วนความเหมาะสมที่รัฐบาลจะเชิญนายทักษิณ มาเป็นที่ปรึกษานั้น เห็นว่าขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของรัฐบาล เพราะนายทักษิณก็มีสิทธิ์ให้ความเห็นสาธารณะเหมือนประชาชนทั่วไป ซึ่งไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า บทบาทของนายทักษิณมีความสำคัญต่อรัฐบาล แต่ฝ่ายค้านก็ได้ติดตามว่ากระบวนการใช้ดุลยพินิจต่าง ๆ เป็นไปตามกระบวนการหรือไม่

ขอรวมข้อเท็จจริงก่อนพิจารณายื่นซักฟอกรัฐ

ส่วนกรณีของนายทักษิณ จะมีน้ำหนักเพียงพอที่จะทำให้ฝ่ายค้านนำไปอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่นั้น ส่วนตัวย้ำว่าขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริง ซึ่งฝ่ายค้านยังติดตาม และขอรวบรวมข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นก่อน และยังไม่ยืนยันกรอบเวลาการยื่นขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ว่าจะเป็นในช่วงปลายเดือน มี.ค. หรือต้นเดือน เม.ย.นี้หรือไม่

สำหรับการทำงานของพรรคก้าวไกลที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าการตรวจสอบกรณีของนายทักษิณไม่เข้มข้นเท่าเรื่องอื่นๆนั้น ขอให้รอติดตาม และเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ฝ่ายตรวจสอบก็จะต้องดำเนินการ พร้อมกับการผลักดันการนิรโทษกรรม

"สมศักดิ์" มองคนวิจารณ์การพักโทษอาจไม่เข้าใจระบบ

ขณะที่ "นายสมศักดิ์ เทพสุทิน" รองนายกฯ กล่าวว่า เสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงการพักโทษของนายทักษิณเป็นการใช้อภิสิทธิ์ชน รวมถึงตั้งข้อสังเกตอาการป่วยนั้น คนที่วิพากษ์วิจารณ์อาจจะไม่รู้ถึงข้อกำหนด ระเบียบ โดยที่ไม่มีข้อเท็จจริงเกณฑ์ตามข้อราชการ และพูดตามความรู้สึก ถ้าหากรู้หลักเกณฑ์ก็คงไม่สงสัย ไม่วิพากษ์วิจารณ์ เพราะมองว่าการเจ็บไข้ได้ป่วย ขึ้นอยู่กับการประเมินของคณะแพทย์

ส่วนที่สังคมตั้งข้อกังขาว่านายทักษิณป่วยไม่จริงนั้น ความคิดเห็นของคนบอกไม่ได้ หรือเอาสายวัดไม่ได้ ใช่ไม่ใช่ ต้องดูข้อมูลของแพทย์ พร้อมยกตัวอย่าง คนที่ไม่ป่วยและตรวจสุขภาพ กลับพบว่าเป็นโรคมะเร็งระยะสุดท้าย   

เมื่อถามว่า ในฐานะ อดีต รมว.ยุติธรรม มีความเป็นห่วงผู้ใต้บังคับบัญชาหรือไม่ เพราะขณะนี้มีการไปร้องเรียนข้าราชการประจำ นายสมศักดิ์ ระบุว่า หากถูกร้องเรียนก็ต้องทำการบ้าน โดยยึดกฎหมายเป็นหลักดูให้ครบถ้วนกระบวนการ ก็จะไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน

รอให้สุขภาพแข็งแรงค่อยเข้าไปกราบ

ส่วนจะเข้าไปพบนายทักษิณหรือไม่นั้น มองว่าขณะนี้นายทักษิณยังไม่แข็งแรง อยากให้มีการพักฟื้นสภาพร่างกาย ไม่เครียดซักระยะหนึ่งก่อน และเมื่อดีขึ้นแล้ว ตนก็จะเข้าไปกราบ ส่วนที่มีการเรียกร้องให้นายทักษิณมาช่วยปราบปรามยาเสพติดนั้น เรื่องนี้ถือเป็นผลงานในอดีตของนายทักษิณ ซึ่งตนก็เคยยึดแนวทางที่นายทักษิณทำไว้ คือ การทำงานต้องมีเจ้าภาพหลัก 

เมื่อถามว่า นายทักษิณกลับมาแล้วจะส่งผลให้คะแนนนิยมของพรรคเพื่อไทยดีขึ้นหรือไม่ ตนไม่ทราบเป็นเรื่องของอนาคต คนก็ถามแบบนี้มาหลายปีแล้ว ซึ่งหากมาดูพรรคการเมืองก็เติบโตและล่มจมไปเป็นพรรคๆ แต่ในนามของชินวัตร ต่อเนื่องกันมาได้หลายชั่วผู้นำ ขอให้ไปศึกษาประวัติศาสตร์ทางการเมือง พรรคการเมืองบางพรรคอยู่ที่ตัวผู้นำคนเดียว แต่นายทักษิณในอดีตมีการพัฒนาเพื่อเปลี่ยนหัวหน้าพรรคเป็นระยะ ๆ แสดงว่าสิ่งที่ผู้คนเป็นห่วงเป็นใยกัน คงไม่ต้องห่วง

 

"เพราะเขาอยู่ได้มาตลอดของการบริหารจัดการทางการเมืองที่ดี คิดว่าความเป็นนักการเมือง ผมก็ทำงานได้ แต่การบริหารพรรคการเมือง ใช่ทุกคนจะทำได้ไม่ ซึ่งก็ต้องยอมรับระบบการบริหารของพรรคเพื่อไทย มีรากเหง้ามาแต่เดิม มีการบริหารการเมืองที่ดี พรรคยืนยงและต่อเนื่อง สังเกตได้หัวหน้าพรรคตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย ก็เป็นนายกฯ ได้หลายคน คะแนนเสียงและคะแนนนิยมก็ยืนยาวมาโดยตลอด ขอให้เพลา ๆ เรื่องนี้กันหน่อยก็ดี ขอให้คิดว่าจะทำอย่างไรให้ประชาชนมีเงินมีทองใช้" นายสมศักดิ์ ระบุ

 

"ทวี สอดส่อง" ชิ่งสื่อเปลี่ยนรถเผ่นออกทำเนียบฯ คาดเลี่ยงตอบปม "ทักษิณ" 

ด้าน บรรยากาศการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ โดยสื่อมวลชนได้ไปดักรอสัมภาษณ์ "พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง" รมว.ยุติธรรม ตามที่ได้บอกกับสื่อก่อนเข้าประชุม ครม. ว่าจะให้ตอนช่วงขาลงเรื่องของนายทักษิณ แต่ปรากฏว่าเมื่อเลิกประชุมแล้ว ผู้ติดตามของพ.ต.อ.ทวี มายืนทำท่ารอรัฐมนตรี ทั้ง 2-3 จุด ที่เคยเข้า-ออก ตึกบัญชาการ 1 และ 2 สร้างความสับสนให้กับสื่อมวลชน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นสื่อมวลชนได้กระจายตัวไปดักตามจุดต่างๆ ทำให้รถยนต์ของ พ.ต.อ.ทวี ขับวนอยู่หลายรอบ จนออกจากทำเนียบรัฐบาลไปทางตึกภักดีบดินทร์ ทำให้สื่อมวลชนจึงวิ่งตามรถประจำตำแหน่งไป แต่ไม่ปรากฎว่ามีใครขึ้นรถกลับ และเมื่อกลับมายังตึกบัญชาการ 2 พบว่า พ.ต.อ.ทวี ได้ออกจากทำเนียบรัฐบาลไปแล้ว โดยสันนิษฐานว่าน่าจะขึ้นรถตู้ของกระทรวง ซึ่งจอดรถรออยู่ก่อนหน้านี้ แทนรถประจำที่ใช้ 

 

logoline