พักโทษ..แต่ไม่ไปโลด
"กูรูการเมือง" หลายคนประเมินว่า เมื่อ"ทักษิณพักโทษ"ออกมา การเมืองไทยจะเปลี่ยนโฉมหน้าทันที
1.นายทักษิณจะมีบทบาททางการเมืองมากขึ้นอย่างแน่นอน
2.นายทักษิณจะกลายเป็น "ศูนย์กลางอำนาจตัวจริง" และอย่างเปิดเผย ทำให้นายกฯเศรษฐา ทำงานยากขึ้น และอาจอยู่ในตำแหน่งต่อไปลำบาก เพราะถนนทุกสายจะมุ่งสู่ “นายใหญ่”
3.อำนาจทางการเมืองจะกลับไปอยู่ "บ้านจันทร์ส่องหล้า"อย่างสมบูรณ์แบบ
4.จะมีการปรับ ครม. แบบ "ปรับใหญ่"
5.อาจเป็นบันไดสู่การเปลี่ยนตัวนายกฯในอนาคตอันใกล้ จากนายกฯเศรษฐา เป็น "นายกฯอุ๊งอิ๊งค์"
"ทักษิณ" ต้องทำการเมืองอย่างระมัดระวัง
ขณะที่พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย และเคยมีสัมพันธ์แนบแน่นกับอดีตนายกฯทักษิณ กลับมองสวนทางกับ “กูรูการเมือง” อย่างแทบจะสิ้นเชิง ดังนี้
1.การมีบทบาทางการเมืองของนายทักษิณนับจากนี้ ต้องทำอย่างระมัดระวัง เพราะมิฉะนั้นอาจเกิดคำถามย้อนกลับถึงอาการป่วยหนักตลอด 6 เดือนที่ผ่านมา จนได้รับสิทธิไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ ไม่ได้อยู่ในเรือนจำ หากนายทักษิณพักโทษแล้วแสดงบทบาทางการเมืองทันที อาจโดนตรวจสอบย้อนกลับ และสุดท้ายข้าราชการที่เกี่ยวข้องอาจเดือดร้อนได้เหมือนกัน
2.นายทักษิณจะเป็น “ศูนย์กลางอำนาจตัวจริง” อย่างแน่นอน แต่บทบาทในช่วงแรก คงต้องทำในทางลับไปก่อน มิฉะนั้นจะสร้างปัญหาตามมา ส่วนบทบาทของนายกฯเศรษฐา ต้องบอกว่าเหนื่อยยิ่งขึ้น เพราะแม้จะมีความตั้งใจที่ดี แต่ตลอด 5-6 เดือนที่ผ่านมา สิ่งที่พูดทั้งหมด ปรากฏผลอยู่สิ่งเดียว คือ ทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย แต่ผลงานที่เป็นรูปธรรมยังไม่มี และนายกฯเหมือนตัวคนเดียว ทำให้ขับเคลื่อนงานได้ลำบาก
3.อำนาจทางการเมืองไม่ได้กลับไปอยู่ที่ "บ้านจันทร์ส่องหล้า" แบบเบ็ดเสร็จ เพราะ
จึงน่าสนใจว่าฝ่ายนายทักษิณและพรรคเพื่อไทยต้องจะต้องเสียอะไรบ้าง เพราะไม่ใช่คนคุมเกมตัวจริง แต่ "ฝ่ายอำนาจเก่า" ยังมีอำนาจต่อรองเหนือกว่า
4.การปรับ ครม.จะเกิดขึ้นแน่นอน แต่เพื่อไทยจะปรับได้เฉพาะรัฐมนตรีของพรรคตัวเอง เพราะยังไม่แข็งแรงพอที่จะไปกดดันหรือปรับ ครม.ของพรรคอื่นได้
5.การเปลี่ยนตัวนายกฯมีโอกาสเกิดขึ้นได้ และน่าจะไม่ใช่ "อุ๊งอิ๊งค์"
โฉมหน้านายกฯใหม่ จะสะท้อนเช่นกันว่า อำนาจที่แท้จริงอยู่ที่ฝ่ายใด และต้องจับตา ทำไม "ลุงบางคน" จึงคึกคักเป็นพิเศษ
เหตุใด ป.ป.ช.ออกรายงานเรื่องดิจิทัลวอลเล็ตมาช่วงนี้
พล.ท.ภราดร ย้ำด้วยว่า นายทักษิณและพรรคเพื่อไทยยังไม่ได้มีอำนาจเบ็ดเสร็จแท้จริง เห็นได้จาก
ได้เป็นนายกฯ ได้เป็นรัฐบาล แต่ไม่ได้ใช้งบประมาณ ทั้งๆ ที่ถ้ามีอำนาจจริง จัดงบ 3-4 เดือน ก็เสร็จแล้ว แต่กลับทำไม่ได้ โดนผูกขาด้วย ดิจิทัลวอลเล็ต
นายกฯเศรษฐา พ้นเก้าอี้ได้ทุกเมื่อ เพราะมีเรื่องร้องเรียนรอเชือดหลายเรื่อง อยู่ที่ว่าจะหยิบมาใช้เมื่อใด ทั้งเรื่องแสนสิริ และเรื่องฝากตำรวจ
นายทักษิณเองก็ถูกผูกขาด้วยคดี 112 ฉะนั้นยังมีสถานะเป็น “ตัวประกัน” อยู่
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หรือ “อดีตนายกฯปู” ก็กำลังจะถูกผูกขาอีกคดี ให้ขยับกลับบ้านยากขึ้น เพราะศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดอ่านคำพิพากษา “คดีฮั้วสื่อจัดโรดโชว์ สร้างอนาคตไทย 240 ล้านบาท” สมัยที่ตนเองเป็นรัฐบาล ในวันที่ 4 มีนาคมนี้
หากไม่รอด และโดนโทษจำคุก แม้ตัวไม่อยู่ไทย แต่ก็ทำให้กลับไทยยากขึ้นอีกมาก กลายเป็นอีกหนึ่งตัวประกันทางการเมืองที่จะสูญเสียอำนาจต่อรองอีกยาวเลยทีเดียว
พล.ท.ภราดร สรุปว่า การต่อรองทางการเมืองครั้งนี้ยังกินเวลาอีกยาว โดยห้วงเวลาอันตรายที่สุด และจะชี้เป็นชี้ตาย คือ 4 เดือน ก่อน สว.หมดวาระ หากผ่านไปได้ พรรคเพื่อไทยจึงจะมีอำนาจต่อรองสูงขึ้น แต่ก็ยังไม่ใช่เบ็ดเสร็จ เพราะคดีต่างๆ ในองค์กรอิสระ พร้อมแผลงฤทธิ์ทุกเมื่อ