svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

สภาระอุ! "ชาดา-โรม-ไอซ์ รักชนก" ถกญัตติด่วนด้วยวาจาปมขบวนเสด็จ

14 กุมภาพันธ์ 2567
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

สภาเดือด! "โรม" ยกภาพ "ชาดา" คู่กลุ่ม ศปปส. อ้างทำปลุกปั่นให้สถานการณ์ร้ายแรงเกินจริง ถามจะสร้างความปลอดภัยได้อย่างไรในเมื่อรัฐสร้างผีขึ้นมาเอง ขณะที่ "ชาดา" ควันออกหู ลุกโต้ลั่นอย่าเล่นใต้ดิน ยันประเทศมีขบวนการล้มเจ้า ไล่รับไม่ได้ไปอยู่ประเทศอื่น 

KEY

POINTS

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนปิดญัตติด่วนด้วยวาจา นายชาดา จึงลุกขึ้นประท้วง ยืนยันหลักฐานมีอยู่ในมือแล้ว แต่ไม่อยากสร้างความขัดแย้ง ที่ผ่านมาท่านเริ่มก่อนนะ มีหลักฐานแต่ยังจับไม่ได้ ถ้าจับได้ ดำเนินคดีแน่นอน และถ้าถามว่าใคร ถ้าอยากรู้จะบอกให้  ว่าเป็นผู้ช่วย สส.คนใด ที่ส่งเงินให้กับกระบวนการพวกนี้ ตนจึงบอกว่าอย่านำตนเข้าไปสู่วงจรให้องค์ประกอบมันครบ คนอย่างตนถ้าไม่ใช่ความจริงไม่พูด และสิ่งที่สำคัญ ตอนนี้อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน

 

"ผมจึงกล้าพูดว่ามันเป็นเรื่องจริง ไม่ต้องห่วงความจริงต้องเปิดมาแน่นอน แต่ถ้าท่านใช้กลไกทางสภาฯ ก็ดี คนอย่างผม ถ้าไม่ใช่เรื่องจริง ไม่พูดเพียงแต่เป็นเอกสารราชการ" นายชาดา กล่าว 

 

อย่างไรก็ตาม ระหว่างนั้น "น.ส.รักชนก ศรีนอก" สส.กรุงเทพ พรรคก้าวไกล ลุกขึ้นประท้วง ว่าอยากให้ นายชาดา แจ้งว่าลุกขึ้นพูดตามข้อบังคับใด  

นายชาดา จึงสวนกลับว่า ใช้สิทธิพาดพิงและไม่ได้ฟังหรอ ว่าใครพาดพิงตน  

โดย น.ส.รักชนก สวนทันทีว่า "แล้วเขาพาดพิงตรงไหน" ทำให้นายชาดาตอบกลับทันที ว่า "ก็คุณไม่ได้ฟัง เขาได้ยินกันทั้งสภาฯ ความจริงก็คือจริง" 

จากนั้นเหตุการณ์ในห้องประชุมเริ่มตึงเครียด น.ส.รักชนก ที่นั่งอยู่บริเวณโซนด้านหน้าพักก้าวไกลได้ลุกขึ้นเดินมาหา นายชาดา ที่อยู่บริเวณด้านหลัง ซึ่งเป็นที่นั่งพรรคภูมิใจไทย ก่อนพูดคุยสักพัก  

จากนั้นนายชาดา จึงเดินตรงไปหานายรังสิมันต์ ทันใดนั้น นายรังสิมันต์ ได้ยกมือไหว้ โดยนายชาด ได้กวักมือเรียกมาคุยกันด้วยท่าทางมีอารมณ์ นานกว่า 3 นาที 

ทั้งนี้ มีรายงานข่าวแจ้งว่า ทั้ง 2 คน ได้พูดคุยเคลียร์ใจ หลังนายรังสิมันต์ ใช้ภาพนายชาดาถ่ายภาพคู่กับกลุ่ม ศปปส. อภิปราย ซึ่งนายชาดา ได้มาตักเตือนว่า อย่าทำแบบนี้อีก มันไม่แฟร์ กับตน 

นายรังสิมันต์ จึงพยายามอธิบายว่า มีกลุ่มบุคคลพยายามแอบอ้างความเชื่อมโยงกับนายชาดา เพื่อก่อเหตุรุนแรง ไม่มีเจตนาร้ายต่อนายชาดา และช่วงเช้าก่อนที่จะมีการอภิปราย นายรังสิมันต์ได้บอกกับนายชาดาแล้วว่า จะมีเนื้อหาอภิปรายที่พาดพิงถึงนายชาดาด้วย 

ซึ่งการพูดคุยเป็นไปได้ด้วยดี มีทั้งสมาชิกพรรคก้าวไกล พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคประชาธิปัตย์ ร่วมอยู่ในวงพูดคุยด้วย ก่อนที่ในช่วงสุดท้ายนายชาดาเดินกลับ ได้จับมือกับ "นายชัยธวัช ตุลาธน" หัวหน้าพรรคก้าวไกล ด้วย

 

 

 

14 กุมภาพันธ์ 2567 การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มี "นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน" รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม โดยได้มีการพิจารณาญัตติด่วนด้วยวาจา เรื่องขอให้รัฐบาลเร่งดำเนินการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการบังคับใช้กฎหมายทบทวนระเบียบ แผน และมาตรการการถวายความปลอดภัยขบวนเสด็จให้มีความเหมาะสมและทันสมัย

โดย "นายรังสิมันต์ โรม" สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ลุกขึ้นอภิปรายว่า หลังจากมีข่าวการขวางขบวนเสด็จออกมาต้องยอมรับว่า บรรยากาศเป็นไปด้วยความหวาดกลัว ซึ่งตอนนี้ได้เลยจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ตนเข้าใจดีว่า ทุกคนล้วนมีความรู้สึก กับเรื่องนี้ไปต่าง ๆ นานา แต่หากไม่พิจารณาเรื่องนี้อย่างมีวุฒิภาวะด้วยสติที่มั่นคง สิ่งที่ทุกคนกำลังสร้าง คือ บรรยากาศแห่งความหวาดกลัว ส่งผลให้เกิดการทำร้ายร่างกายกลุ่มนักเคลื่อนไหวต่อหน้าตำรวจ และสื่อมวลชนรวมถึงธาระกำนัน กลางเมืองหลวงที่มีคนผ่านไปผ่านมา

 

"สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4 ก.พ. ก็มีตำรวจได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างใจเย็น ทำให้สถานการณ์ไม่ลุกลามบานปลาย วิธีการควบคุมสถานการณ์ได้อย่างเหมาะสม อย่างมีวุฒิภาวะ สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ดังนั้น จึงอยากขอให้ทุกคนมีสติ หากสิ่งที่นักเคลื่อนไหวทำมีความผิดจริงตามกฎหมาย ผมเข้าใจ สิ่งสำคัญคือต้องโปร่งใส และสอดคล้องกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริง" นายรังสิมันต์ กล่าว  

อย่างไรก็ตาม วันนี้ (14ก.พ.) ตนรู้สึกผิดหวังกับท่าทีของนายกรัฐมนตรี ที่ไม่ได้ทำหน้าที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ที่ดีของบ้านเมืองกับการบอกว่า ตนเองและคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไม่สนับสนุนความรุนแรง และขอให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดเพื่อปกป้องสถาบัน แต่กลับไม่มีการบอกให้บังคับใช้กฎหมายกับผู้ที่ใช้ความรุนแรงเลย แบบนี้จะกลายเป็นการเขียนเช็คเปล่าให้กับผู้ที่ใช้ความรุนแรงหรือไม่

นายรังสิมันต์ กล่าวถึง กลุ่ม ศปปส. มีการโพสต์ข้อความปลุกปั่นในโซเชียลมีเดีย ว่าจะเชือดไก่ให้ลิงดู หรือกลุ่มอาชีวะราชภักดี ที่ขู่จะจัดการ สายน้ำ ตามวิถีอาชีวะปะทะก่อนค่อยคุย ซึ่งในช่วงนี้มีการใช้รูป ของกลุ่ม ศปปส. ซึ่งถ่ายคู่กับ "นายชาดา ไทยเศรษฐ์" รมช.มหาดไทย โดยไม่มีการเบลอหน้า ขณะเดียวกัน มีอีกหลายข้อความที่ถูกกล่าวขึ้นโดยบุคคลสำคัญ แม้กระทั่งนายชาดา พูดถึงการเนรคุณแผ่นดิน มีการปลุกปั่นให้สถานการณ์ร้ายแรง เกินกว่าความเป็นจริงมาก และทำให้คนทั้งสังคมไม่รู้สึกปลอดภัย

 

"รัฐจะสร้างมาตรการรักษาความปลอดภัยได้อย่างไร ในเมื่อสุดท้ายผีที่สร้างขึ้นมา มันมาจากพวกท่านเอง ถ้ายังปล่อยให้สถานการณ์บานไปเรื่อย ๆ หากไม่มีการดึงสติแล้ว คำขู่เกิดขึ้นจริง ใครจะรับผิดชอบ และสุดท้ายผู้ที่ใช้ความรุนแรง แล้วไม่ต้องรับผิดชอบอะไร ควรจะหาว่ารัฐบาล เป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังคนเหล่านี้ ขออย่าให้ไปถึงจุดนั้นเลย" นายรังสิมันต์ กล่าว 

ด้าน นายชาดา ได้ลุกขึ้นใช้สิทธิประท้วงนายรังสิมันต์ ว่า มีการนำรูปของตนเองมาอภิปราย ส่อให้เกิดเจตนารมณ์ที่ไม่ดี ซึ่งการอภิปรายของตนเองครั้งล่าสุด เกิดขึ้นในวันเลือกนายกรัฐมนตรี และมีประชาชนขอถ่ายรูปกับตนเป็นล้านคน และการที่ตนเอง จะร่วมกิจกรรมที่ดีงาม ไม่ถือว่าเป็นเรื่องผิด ซึ่งผู้ที่อภิปรายส่อจตนาไม่ดี ไม่ดีอย่างมาก สร้างความแตกแยก และกำลังจะนำตนไปสู่ในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง สร้างความเข้าใจผิดให้กับประชาชน

 

"วันนี้ผมไม่คิดจะอภิปราย แต่ผมเสียหาย เป็นการชี้จูงทางความคิดที่ท่านกำลังให้เด็กทำอยู่ ที่พวกท่านกำลังทำอยู่ มันคือความรู้สึกของคนอกตัญญู การกระทำอย่างนี้ มันคือการกระทำที่ไม่ถูกต้อง มันไม่ใช้ความรู้สึกของคนที่ดี มันเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง และไม่ใช่การอธิบายเชิงสร้างสรรค์ ปากบอกต้องการความสงบให้ตั้งอยู่ตรงกลาง แต่พฤติกรรมไม่ใช่ ซึ่งวันนี้ตนฟังการอภิปรายตลอดเวลา และการกระทำเช่นนี้ เป็นการกระทำที่เสียหายมาก ซึ่งประธานในที่ประชุมอนุญาตได้อย่างไร ให้มีการเสนอแบบนี้ได้อย่างไร แล้วถ้าผมจะเสนอแบบนี้บ้างจะมีปัญหาหรือไม่ ผมไม่อยากพูดว่าเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม และไม่อยากพูดซึ่งไม่เกี่ยวกับญัตติด้วย" นายชาดา กล่าว 

 

อย่างไรก็ตาม ประธานต้องมาขอโทษตน ในฐานะที่ปฏิบัติหน้าที่บกพร่อง ไม่ถูกต้องและไม่เป็นกลาง แต่ตนเองจะฟ้องนำรูปของตนมาอภิปราย เพราะสิ่งที่ทำพยายามเรียกร้องให้ถูกกฎหมาย และให้ตั้งสติ ตัวฟังแล้วรู้สึกดี ซึ่งญัตตินี้เป็นเรื่องของการอารักขาขบวนเสด็จ ที่ทำร้ายจิตใจประชาชน แต่กำลังเอาเรื่องนอกประเด็นผลของการกระทำเด็กหรือใครก็ตาม กี่ครั้งแล้วที่ทำผิดกฎหมาย การแสดงออกด้วยหัวใจคนไทยไม่มีปัญหา แต่มันมีขบวนการในประเทศนี้จะล้มล้าง ที่จะบั่นทอน อย่าพูดว่าไม่มี ถ้าทำกับตนแบบนี้ พูดกับตนแบบนี้ เดี๋ยวจะพูดให้หมด

 

"อย่าพูดว่าไม่มีขบวนการล้มเจ้า ผมยืนยันว่ามี ซึ่งผมพร้อมจะถ่ายรูปกับคนทุกคนที่ปกป้องสถาบัน แต่เขาจะเอาไปทำอะไรผมไม่รู้ ผมไม่เกี่ยว มันคนละเรื่อง ต้องมีสามัญสำนึกในการกระทำ อย่ามาพูดดูดีแต่ปฏิบัติไม่ดี เดี๋ยวผมจะลุกโต้ทุกคนที่พูด อย่ามาขัดแย้งกับผม อย่ามาทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง อย่ามาเล่นใต้ดินกับผม แล้วอย่ามาเรียกร้องไม่ให้คนอื่นเล่นใต้ดิน ประธานต้องบอกผมว่าใครเป็นคนอนุญาต ประธานสภาหรือเจ้าหน้าที่ มีวิจารณญาณไหม มีสมองไหม ผมคิดว่าเป็นกระบวนการที่ไม่สร้างสรรค์ ผมเข้าใจความคิดเห็นมีความแตกต่าง เข้าใจว่าความแค้นของท่านในวันที่ไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ผมไม่เคยสร้างความขัดแย้งกับพรรคการเมือง นักการเมืองทุกคน ความคิดเห็นต่างก็ไม่เป็นไร แต่อย่ามาทำมือถือสากปากถือศีล" นายชาดา 

 

ระหว่างการอภิปรายที่เป็นไปอย่างดุเดือด ทำให้นายพิเชษฐ์ ซึ่งทำหน้าที่เป็นประธานการประชุมชี้แจงว่า ภาพที่นำมาเสนอ ส่วนตัวไม่ได้ดู หากเกิดมีการพาดพิง จะหาคำตอบในเรื่องนี้ว่าอนุญาตได้อย่างไร พร้อมขอนายรังสิมันต์ อย่าตอบโต้ และให้โอกาสนายชาดา ได้แสดงความบริสุทธิ์ใจว่า ไม่ได้เป็นตามที่มีการนำเสนอ และอยากให้การประชุมนี้เป็นการแก้ไขปัญหาและสร้างสรรค์ อย่าคิดว่าเป็นฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลมาตอบโต้กันไปมา เพราะจะทำให้ขยายความขัดแย้งไปมากขึ้น พร้อมขอความร่วมมือสมาชิกอภิปรายอย่างสร้างสรรค์และตรงประเด็น ให้มีแนวทางที่รอบคอบกว่านี้

ด้านนายรังสิมันต์ ชี้แจงว่าภาพที่นำเสนอนั้น ได้มีการยื่นเจ้าหน้าที่ตรวจสอบอย่างถูกต้อง และเข้าใจว่าจะมีการพิจารณาตามระบบ ซึ่งเป็นอำนาจของประธานเป็นผู้พิจารณาคนสุดท้าย ซึ่งโดยทั่วไปการขึ้นรูปรัฐมนตรี สามารถทำได้อยู่แล้ว รออยู่ในที่ประชุม พร้อมยังขอให้นายชาดา ใจเย็นๆ เพราะการขึ้นรูป ไม่ได้ปรักปรำว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง หรือปรักปรำนายชาดา เพิ่มเติม

ทำให้นายชาดา โต้กลับในทันทีว่า ไม่ได้ปรักปรำเพิ่มเติมหมายความว่าปรักปรำมาก่อนแล้วใช่หรือไม่  

แต่นายรังสิมันต์ พยายามชี้แจงว่า ข้อความที่ขึ้นในรูปไม่ได้เป็นประโยคของนายชาดา แต่เป็นข้อความของผู้ที่ก่อความรุนแรง แล้วเขาอาจจะคิดด้วยซ้ำว่ามีผู้อยู่เบื้องหลัง แต่ความเป็นจริงอาจจะไม่มีใครอยู่เบื้องหลังก็ได้ ซึ่งกรณีแบบนี้ถือเป็นตัวอย่างที่ดี ว่านักการเมืองอย่างเราๆ ถูกโยงไปยังกลุ่มนั้นกลุ่มนี้ตลอดเวลา ทั้งที่การกระทำอาจไม่ถึงขนาดนั้น จึงอยากให้มีสติ เพราะหลายคนเข้ามาเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว มีสติกันหน่อย เป็นหลัก เป็นฐานให้กับบ้านเมือง 

นายชาดา จึงโต้งกลับทันที การกระทำบ่งบอกถึงเจตนาชัดเจน และตนไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ และอย่าให้มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นในสภาอีก เพราะตนจะไม่คิดว่าใช้สติในการพิจารณาความรู้สึกของพี่น้องคนไทย ความรู้สึกของสิ่งที่มันเกิดขึ้น มันเป็นความรู้สึกภายใต้จิตใจ การยอมรับ ซึ่งท่านแรกที่พูดถึงเรื่องความเสียหายทางการค้า คือขบวนการคนไม่อยากจะพูด คนไทยทุกคนรับได้ มีแผ่นดินอยู่ มีแผ่นดินคุ้มกะลาหัว ถ้ารับไม่ได้ ไปอยู่ประเทศอื่น

logoline